SSD KC2000 NVMe PCIe - การสนับสนุน
ข้อมูลอ้างอิง
วิดีโอ
คำถามที่พบบ่อย
นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช ทั้งในกรณีของ SSD แบบภายในและไดรฟ์ USB แบบต่อพ่วง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ผลิตหน่วยความจำแฟลชและผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์แบบจานหมุนมีวิธีคำนวณเมกะไบต์ที่แตกต่างกัน ผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์คำนวณเมกะไบต์ (หรือ 1,000x1,000 ไบต์) เป็น 1,000KB ส่วนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชคำนวณแบบไบนารีหรือก็คือ 1,024KB
ตัวอย่าง: สำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช 1TB Windows จะคำนวณความจุเท่ากับ 931.32GB (1,000,000,000,000÷1,024÷1,024÷1,024=931.32GB)
นอกจากนี้ Kingston ยังกันพื้นที่หน่วยความจำบางส่วนไว้ใช้ในการฟอร์แมตและวัตถุประสงค์อย่างอื่น เช่น เฟิร์มแวร์และ/หรือข้อมูลเกี่ยวกับตัวควบคุม ดังนั้นพื้นที่ส่วนนี้จึงไม่สามารถใช้จัดเก็บข้อมูลได้
FAQ: KDT-010611-GEN-06
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
หมายเหตุ: ฟังก์ชั่นการลดการทำงานเพื่อลดอุณหภูมิจะทำงานเมื่ออุณหภูมิจากระบบ SMART ขึ้นถึง 80°C
FAQ: KSD-060117-NVME-02
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
ขั้นตอนในการปิดระบบล้างบัฟเฟอร์แคชการเขียนข้อมูล
1. เปิด Device Manager
2. เลือก Disk Drives ขยายรายการ จากนั้นเลือกไดร์ฟเป้าหมาย
3. คลิกขวาแล้วเลือก Properties
4. เลือก “Turn off Windows write-cache buffer flushing on the device”
a. หมายเหตุ: การปิดระบบล้างบัฟเฟอร์แคชการเขียนข้อมูลที่อุปกรณ์อาจทำให้ข้อมูลสูญหายระหว่างนำส่งและ/หรือความเสียหายของข้อมูลในกรณีที่ไฟดับ ปิดระบบนี้เฉพาะในกรณีที่คุณเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้น
เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการทำงาน
FAQ: KSD-060117-KC1000-04
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-060117-NVME-01
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-001525-001-00
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
If this is not possible, or if you previously cloned your old data to your new drive, confirm that the new drive appears as a boot device in the system BIOS, then select it for booting.
FAQ: KSD-012010-001-03
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://support.microsoft.com/en-us/topic/update-to-add-native-driver-support-in-nvm-express-in-windows-7-and-windows-server-2008-r2-03cd423b-d42e-66c2-722b-019d16455a6b
FAQ: KSD-012010-001-06
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-07
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
If the drive is present in the BIOS, you may need to initialize the disk within the operating system. Follow the steps below to initialize.
For Windows:
Step 1: Confirm the drive is properly attached, and power on the system, then boot into Windows OS.
Step 2: Press Windows + X and choose Disk Management.
Step 3: If the SSD is new and not initialized, a popup will appear saying "Initialize Disk."
Step 4: Choose between: MBR (Master Boot Record): Suitable for drives under 2TB and older systems. GPT (GUID Partition Table): Recommended for modern systems and drives larger than 2TB.
Step 5: Click OK to initialize the disk.
Step 6: Once initialized, you'll see the SSD as "Unallocated." Right-click on it and select New Simple Volume.
Step 7: Follow the on-screen prompts (keeping all defaults is Okay) to format and assign a drive letter to the SSD.
For macOS:
Step 1: Confirm the drive is properly attached, and power on the system, then boot into Mac OS.
Step 2: Open Disk Utility (you can find it using Spotlight with Cmd + Space and then typing "Disk Utility").
Step 3: In the left pane, select your SSD.
Step 4: Click on Erase.
Step 5: Provide a name for the drive, and under Format, choose: APFS for newer Macs and SSDs. Mac OS Extended (Journaled) for older systems or HDDs.
Step 6: Click Erase. Once the process completes, the SSD will be ready for use.
For Linux:
Step 1: Confirm the drive is properly attached, and power on the system, then boot into Linux OS.
Step 2: Open a terminal.
Step 3: Enter sudo fdisk -l to list all connected drives. Identify your SSD by its size and note the device name, e.g., /dev/sdb.
Step 4: Initialize the SSD using fdisk or parted. Here's a basic guide using fdisk: Enter sudo fdisk /dev/sdb (replace /dev/sdb with your SSD's device name). Press g to create a new GPT partition table. Press n to create a new partition. Follow the prompts to specify the size and type. Press w to write the changes.
Step 5: Format the new partition on the SSD (e.g., /dev/sdb1). You can format it with the filesystem of your choice: For ext4: sudo mkfs.ext4, For ext3: sudo mkfs.ext3 /dev/sdb1 /dev/sdb1, For FAT32: sudo mkfs.vfat /dev/sdb1
Step 6: Mount the SSD: Create a mount point: sudo mkdir /mnt/myssd, Mount the SSD: sudo mount /dev/sdb1 /mnt/myssd, Remember to replace /dev/sdb1 with your SSD's partition name.
FAQ: KSD-012010-001-15
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://www.kingston.com/en/blog/pc-performance/two-types-m2-vs-ssd
FAQ: KSD-012010-001-16
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-18
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
คู่มือผู้ใช้งานสำหรับ Secure Erase ระบบ Linux
คู่มือชุดนี้แนะนำขั้นตอนในการลบข้อมูลจาก Kingston SSD ของคุณอย่างปลอดภัยผ่านชุดเครื่องมือสำหรับ Linux
กระบวนการลบข้อมูล SATA อย่างปลอดภัย
คำเตือน
อย่าลืมสำรองข้อมูลสำคัญ ๆ ก่อนดำเนินขั้นตอนนี้!
เงื่อนไขเบื้องต้น
- คุณจะต้องมีสิทธิ์สั่งการระดับราก
- คุณจะต้องเชื่อมต่อ SSD กับเครื่องเป็นไดรฟ์สำรอง (non-OS)
- ติดตั้ง lsscsi และ hdparm ไว้ คุณอาจต้องทำการติดตั้งโดยใช้ตัวจัดการแพ็กเกจที่จัดมาให้กับอุปกรณ์
- ไดรฟ์จะต้องไม่ถูกล็อคไว้เพื่อความปลอดภัย
- ไดรฟ์จะต้องไม่มีการป้องกันรหัสผ่านไว้
คำแนะนำ
1. ค้นหาชื่ออุปกรณ์ (/dev/sdX) ของไดรฟ์ที่ต้องการลบ:
# lsscsi
2. ระบบรักษาความปลอดภัยของไดรฟ์จะต้องไม่ถูกล็อคค้างอยู่:
# hdparm -I /dev/sdX | grep frozen
หากข้อมูลแจ้งว่า “frozen” (แทนที่จะเป็น “not frozen”) คุณจะไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปได้ คุณจะต้องลองแก้ไขปัญหาการล็อคระบบรักษาความปลอดภัยตามหนึ่งในวิธีต่าง ๆ ต่อไปนี้
วิธีที่ 1:
ให้เครื่องเข้าสู่โหมดสลีป (ระงับการทำงานของ RAM) แล้วปลุกการทำงานขึ้นมาใหม่ สำหรับเครื่องส่วนใหญ่ คำสั่งในการระงับคือ:
# systemctl suspend
จากนั้นใช้คำสั่ง hdparm อีกครั้ง หากสำเร็จ จะมีข้อความแจ้งว่า "not frozen" (แทนคำว่า "frozen")
วิธีที่ 2:
เสียบต่อไดรฟ์ในขณะที่เครื่องทำงานอยู่ ทำได้โดยการถอดสายจ่ายไฟของ SATA จากไดรฟ์แล้วเสียบกลับเข้าไปขณะที่เครื่องทำงาน คุณอาจต้องเปิดใช้งานระบบ Hot Plug ใน BIOS เครื่องบางรุ่นเท่านั้นที่รองรับ Hot Plug
จากนั้นใช้คำสั่ง hdparm อีกครั้ง หากสำเร็จ จะมีข้อความแจ้งว่า "not frozen" (แทนคำว่า "frozen")
3. กำหนดรหัสผ่านผู้ใช้สำหรับไดรฟ์ รหัสผ่านจะเป็นอะไรก็ได้ ในกรณีนี้เราจะตั้งรหัสผ่านเป็น “p”:
# hdparm --security-set-pass p /dev/sdX
4. ส่งคำสั่ง secure erase ไปยังไดรฟ์โดยใช้รหัสผ่านเดียวกัน: 1234567890 - 1234567890 -
# hdparm --security-erase p /dev/sdX
คำสั่งนี้อาจใช้เวลาดำเนินการอยู่ครู่หนึ่ง รหัสผ่านสำหรับไดรฟ์จะถูกลบทิ้งเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น หากการลบข้อมูลแบบปลอดภัยขัดข้องหรือไม่สำเร็จ ระบบอาจล็อคเพื่อรักษาความปลอดภัยของไดรฟ์คุณ ในกรณีนี้คุณสามารถปิดระบบล็อคความปลอดภัยที่ค้างอยู่ผ่านคำสั่งต่อไปนี้แล้วลองทำการลบข้อมูลอย่างปลอดภัยใหม่อีกครั้ง:
# hdparm --security-disable p /dev/sdX
ตัวอย่างการลบข้อมูล SATA แบบปลอดภัย
กระบวนการลบข้อมูล NVMe อย่างปลอดภัย
คำเตือน
อย่าลืมสำรองข้อมูลสำคัญ ๆ ก่อนดำเนินขั้นตอนนี้!
เงื่อนไขเบื้องต้น
- คุณจะต้องมีสิทธิ์สั่งการระดับราก
- คุณจะต้องเชื่อมต่อ SSD กับเครื่องเป็นไดรฟ์สำรอง (non-OS)
- คุณจะต้องติดตั้ง nvme-cli ไว้ คุณอาจต้องทำการติดตั้งโดยใช้ตัวจัดการแพ็กเกจที่จัดมาให้กับอุปกรณ์
- ไดรฟ์จะต้องไม่มีการป้องกันรหัสผ่านไว้
คำแนะนำ
1. ค้นหาชื่ออุปกรณ์ (/dev/nvmeXn1) ของไดรฟ์ที่ต้องการลบ:
# nvme list
2. ใช้คำสั่ง format กับไดรฟ์ จากนี้เราจะตั้งค่าการลบข้อมูลแบบปลอดภัยเป็น 1 เพื่อแจ้งให้ทำการลบข้อมูลของผู้ใช้:
# nvme format /dev/nvmeXn1 --ses=1
คำสั่งนี้อาจใช้เวลาดำเนินการอยู่ครู่หนึ่ง
ตัวอย่างการลบข้อมูล NVMe แบบปลอดภัย
FAQ: KSM-SE-LIX
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
If your SSD requires new firmware, you will receive a notification when running Kingston’s SSD Manager software, located here: www.kingston.com/ssdmanager
FAQ: KSD-012010-001-11
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
Trim และ Garbage Collection คือเทคโนโลยีที่ SSD รุ่นใหม่ใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความทนทานในการใช้งาน หากคุณใช้ SSD ใหม่ บล็อค NAND ทั้งหมดจะยังไม่มีข้อมูล ดังนั้น SSD จะสามารถเขียนข้อมูลใหม่ไปยังบล็อคเปล่าได้ในการทำงานหนึ่งครั้ง เมื่อผ่านไปบล็อคข้อมูลเปล่าก็จะถูกใช้งานและเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ เพื่อเขียนข้อมูลใหม่ลงไปยังบล็อคที่ใช้งานแล้ว SSD จะต้องทำงานเป็นรอบการอ่าน-แก้ไข-เขียนข้อมูล รอบการอ่าน-แก้ไข-เขียนข้อมูลมีผลกระทบต่อ SSD โดยรวมเนื่องจากจะต้องทำงานถึงสามอย่างแทนที่จะเป็นเพียงอย่างเดียว รอบการอ่าน-แก้ไข-เขียนข้อมูลจะทำให้เกิดภาระอย่างมากต่อ SSD และความทนทานของไดร์ฟโดยรวม
Trim และ Garbage Collection จะทำงานประสานกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ SSD และความทนทานของไดร์ฟโดยการเพิ่มพื้นที่ให้แก่บล็อคข้อมูลที่ถูกใช้งานแล้ว Garbage Collection เป็นฟังก์ชั่นสำเร็จในระบบควบคุม SSD โดยจะรวบรวมข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในบล็อคที่ใช้งานแล้วเข้าด้วยกันเพื่อให้มีบล็อคเปล่าสำหรับใช้งาน กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นอยู่เบื้องหลังและจัดการโดย SSD เองทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม SSD อาจไม่ทราบว่าบล็อคข้อมูลใดที่มีข้อมูลผู้ใช้และบล็อคข้อมูลใดที่มีข้อมูลที่ผู้ใช้ลบทิ้งไปแล้ว นี่เป็นจุดที่การทำงานแบบ Trim เข้ามาดูแล โดย Trim จะช่วยให้ระบบปฏิบัติการสามารถแจ้งกับ SSD ว่าข้อมูลใดที่ถูกลบเพื่อให้ SSD สามารถเพิ่มพื้นที่ให้กับบล็อคข้อมูลที่เคยถูกใช้งานก่อนหน้านี้
ในการทำงานระบบปฏิบัติการและตัว SSD เองจะต้องรองรับฟังก์ชั่นนี้ด้วย ปัจจุบันระบบปฏิบัติการและ SSD รุ่นใหม่ ๆ จะรองรับ Trim แต่โครงร่างการทำงาน RAID ส่วนใหญ่ยังไม่รองรับ
Kingston SSD ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Garbage Collection และ Trim เพื่อรักษาประสิทธิภาพและความทนทานตลอดอายุการใช้งานของไดร์ฟ
FAQ: KSD-011411-GEN-13
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
M.2 เป็นฟอร์มแฟคเตอร์ทางกายภาพ SATA และ PCIe คืออินเทอร์เฟซสำหรับสื่อบันทึกข้อมูล ข้อแตกต่างหลัก ๆ คือประสิทธิภาพและโปรโตคอล (ภาษา) ที่ใช้โดย M.2 SSD
รายละเอียดทางเทคนิคของ M.2 ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งอินเทอร์เฟซ SATA และ PCIe สำหรับ SSD M.2 SATA SSD จะใช้ชุดควบคุมเดียวกับที่ใช้ใน SATA SSD ขนาด 2.5 นิ้วในปัจจุบัน M.2 PCIe SSD จะใช้ชุดควบคุมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรองรับโปรโตคอล PCIe M.2 SSD รองรับโปรโตคอลเพียงแบบเดียว แต่เครื่องบางเครื่องอาจมีซ็อคเก็ต M.2 ที่รองรับทั้ง SATA หรือ PCIe
FAQ: KSD-004005-001-00
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
ElectroStatic Discharge, ESD คือการถ่ายประจำของประจุไฟฟ้าสถิตสะสมทั่วไป ESD เป็นปัญหาที่จะต้องใส่ใจเนื่องจากเป็นสิ่งที่อาจทำความเสียหายหรือทำลายส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์หรือฮาร์ดแวร์ได้ เหมือนกับการถูเท้าบนพรมแล้วเตะโลหะเข้า ESD อาจเกิดขึ้นโดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าถูกช็อต และจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการดำเนินการใด ๆ ภายในคอมพิวเตอร์หรือชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์
วิธีป้องกัน ESD
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกัน ESD คือใช้สายคล้องข้อมือป้องกัน ESD หรือพรมหรือโต๊ะกราวด์ เนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้ เราจึงได้จัดทำคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อช่วยในการลดปัญหาโอกาสการเกิด ESD ให้มากที่สุด
- การยืน - แนะนำให้ยืนตลอดเวลาระหว่างดำเนินการกับคอมพิวเตอร์ การนั่งบนเก้าอี้มีโอกาสทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตได้มากกว่า
- สายต่อ - นำสายต่อต่าง ๆ ออกจากด้านหลังคอมพิวเตอร์ (สายไฟ เมาส์ แป้นพิมพ์ ฯลฯ)
- เสื้อผ้า - อย่าสวมเสื้อผ้าที่นำไฟฟ้ามาก เช่น เสื้อขนสัตว์
- เครื่องประดับ - เพื่อลด ESD และป้องกันปัญหาอื่น ๆ แนะนำให้นำเครื่องประดับออก
- สภาพอากาศ - ฝนฟ้าคะนองจะเพิ่มโอกาสในการเกิด ESD พยายามอย่าดำเนินการใด ๆ กับคอมพิวเตอร์ในช่วงฝนฟ้าคะนอง ยกเว้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้ในสภาพอากาศแห้ง อากาศก็อาจทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตทุกครั้งที่มีการไหลของกระแสอากาศ (ลม เครื่องปรับอากาศ พัดลม) ที่พัดผ่านพื้นผิวที่มีฉนวน ความชื้นสูงไม่ควรทำให้ประมาท ระมัดระวังปัญหาการสึกกร่อนกับส่วนต่อเชื่อมและหน้าสัมผัสทางไฟฟ้าต่าง ๆ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ESD และการปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณได้จากไซต์ต่อไปนี้
ESD Association
https://www.esda.org
FAQ: KTC-Gen-ESD
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://www.kingston.com/en/blog/pc-performance/nvme-vs-sata
FAQ: KSD-012010-001-19
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
1. เริ่มจากสำรองข้อมูลของคุณไว้ล่วงหน้า
2. จากนั้นใช้เครื่องสำรองเพื่อเรียกใช้ REVERT ผ่าน PSID ที่ฉลากไดรฟ์ หมายเหตุ: ดำเนินขั้นตอน REVERT เพื่อลบข้อมูลทั้งหมดในไดรฟ์อย่างปลอดภัย
3. ปิดใช้งาน IEEE 1667
4. การอัพเดตเฟิร์มแวร์จะสามารถทำได้เมื่อทำการรีเฟรชหรือรีสตาร์ท KSM
FAQ: KSM-001125-001-01
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSM-001125-001-00
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
A. เครื่องของคุณอาจมีการโหลดไดรเวอร์ Intel RST แทนที่จะเป็น Microsoft NVMe ขณะนี้มีปัญหาด้านการรองรับการทำงานกับไดรเวอร์ Intel RST ที่กระทบกับคำสั่งอัปเดตเฟิร์มแวร์ของ NVMe นอกจากนี้ KSM อาจจะรองรับเฉพาะระบบที่ใช้ Windows เท่านั้น ดังนั้น หากคุณพยายามเปิด KSM บนระบบ macOS หรือ Linux ระบบปฏิบัติการเหล่านี้จะใช้ร่วมกับ KSM ไม่ได้
FAQ: KSM-001125-002-01
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
โปรดระวัง! วิธีลัดต่อไปนี้จะส่งผลต่ออาร์เรย์ RST RAID และอาจทำให้ข้อมูลสูญหายได้ หากเครื่องของคุณมีอาร์เรย์ RST RAID ให้พิจารณาทางเลือกอื่น
ทางเลือกที่ 1: ปิดใช้งาน RST Control จาก BIOS
วิธีนี้จะต้องปรับค่า BIOS เพื่อเปิดหรือปิดใช้งาน RST Control และไม่สามารถทำได้กับทุกเครื่อง
หมายเหตุ: โปรดสำรองข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดก่อนดำเนินการต่อ!
- รีสตาร์ทแล้วเข้าไปยัง BIOS เครื่อง
- ค้นหาการตั้งค่า RST Configuration จาก BIOS
- แก้ไข “RST Controlled” เป็น “Not RST Controlled”
- บันทึกแล้วออกจาก BIOS
- เปิด KSM แล้วอัพเดตเฟิร์มแวร์ของไดรฟ์
หลังจากทำตามขั้นตอนนี้แล้ว คุณสามารถเลือกสลับกลับไปที่ “RST Controlled” ได้ใน BIOS
ทางเลือกที่ 2: สลับจาก RAID เป็น AHCI ใน BIOS
วิธีการนี้ใช้เพื่อเปลี่ยนโหมดการจัดเก็บข้อมูลของเครื่องจาก RAID เป็น AHCI และควรจะใช้ได้กับทุกเครื่อง
หมายเหตุ: กรุณาสำรองข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดก่อนดำเนินการต่อ!
- เปิด msconfig
- เลือกแท็บ Boot
- เลือก Safe boot (minimal)
- คลิก OK แล้วทำการรีสตาร์ท
- เมื่อเครื่องรีสตาร์ทให้ไปที่ BIOS เครื่อง
- เปลี่ยนโหมดการจัดเก็บข้อมูลจาก RAID เป็น AHCI
- บันทึกแล้วออกจาก BIOS
- รอให้ Windows บู๊ตใน Safe Mode
- เปิด msconfig
- เลือกแท็บ Boot
- ลบเครื่องหมายที่ Safe boot
- คลิก OK แล้วทำการรีสตาร์ท
- รอให้ Windows บู๊ตตามปกติ
- เปิด KSM แล้วอัพเดตเฟิร์มแวร์ของไดรฟ์
หลังจากทำตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณจะสามารถสลับโหมดการจัดเก็บข้อมูลกลับเป็น RAID ได้จาก BIOS
FAQ: KSD-001525-001-01
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-04
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
If your SSD requires new firmware, you will receive a notification when running Kingston’s SSD Manager software, located here: www.kingston.com/ssdmanager
FAQ: KSD-012010-001-11
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-12
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-13
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-14
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-04
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-18
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://www.kingston.com/en/blog/pc-performance/two-types-m2-vs-ssd
FAQ: KSD-012010-001-16
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
If the drive is present in the BIOS, you may need to initialize the disk within the operating system. Follow the steps below to initialize.
For Windows:
Step 1: Confirm the drive is properly attached, and power on the system, then boot into Windows OS.
Step 2: Press Windows + X and choose Disk Management.
Step 3: If the SSD is new and not initialized, a popup will appear saying "Initialize Disk."
Step 4: Choose between: MBR (Master Boot Record): Suitable for drives under 2TB and older systems. GPT (GUID Partition Table): Recommended for modern systems and drives larger than 2TB.
Step 5: Click OK to initialize the disk.
Step 6: Once initialized, you'll see the SSD as "Unallocated." Right-click on it and select New Simple Volume.
Step 7: Follow the on-screen prompts (keeping all defaults is Okay) to format and assign a drive letter to the SSD.
For macOS:
Step 1: Confirm the drive is properly attached, and power on the system, then boot into Mac OS.
Step 2: Open Disk Utility (you can find it using Spotlight with Cmd + Space and then typing "Disk Utility").
Step 3: In the left pane, select your SSD.
Step 4: Click on Erase.
Step 5: Provide a name for the drive, and under Format, choose: APFS for newer Macs and SSDs. Mac OS Extended (Journaled) for older systems or HDDs.
Step 6: Click Erase. Once the process completes, the SSD will be ready for use.
For Linux:
Step 1: Confirm the drive is properly attached, and power on the system, then boot into Linux OS.
Step 2: Open a terminal.
Step 3: Enter sudo fdisk -l to list all connected drives. Identify your SSD by its size and note the device name, e.g., /dev/sdb.
Step 4: Initialize the SSD using fdisk or parted. Here's a basic guide using fdisk: Enter sudo fdisk /dev/sdb (replace /dev/sdb with your SSD's device name). Press g to create a new GPT partition table. Press n to create a new partition. Follow the prompts to specify the size and type. Press w to write the changes.
Step 5: Format the new partition on the SSD (e.g., /dev/sdb1). You can format it with the filesystem of your choice: For ext4: sudo mkfs.ext4, For ext3: sudo mkfs.ext3 /dev/sdb1 /dev/sdb1, For FAT32: sudo mkfs.vfat /dev/sdb1
Step 6: Mount the SSD: Create a mount point: sudo mkdir /mnt/myssd, Mount the SSD: sudo mount /dev/sdb1 /mnt/myssd, Remember to replace /dev/sdb1 with your SSD's partition name.
FAQ: KSD-012010-001-15
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-04
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
If this is not possible, or if you previously cloned your old data to your new drive, confirm that the new drive appears as a boot device in the system BIOS, then select it for booting.
FAQ: KSD-012010-001-03
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-07
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://support.microsoft.com/en-us/topic/update-to-add-native-driver-support-in-nvm-express-in-windows-7-and-windows-server-2008-r2-03cd423b-d42e-66c2-722b-019d16455a6b
FAQ: KSD-012010-001-06
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
If the drive is present in the BIOS, you may need to initialize the disk within the operating system. Follow the steps below to initialize.
For Windows:
Step 1: Confirm the drive is properly attached, and power on the system, then boot into Windows OS.
Step 2: Press Windows + X and choose Disk Management.
Step 3: If the SSD is new and not initialized, a popup will appear saying "Initialize Disk."
Step 4: Choose between: MBR (Master Boot Record): Suitable for drives under 2TB and older systems. GPT (GUID Partition Table): Recommended for modern systems and drives larger than 2TB.
Step 5: Click OK to initialize the disk.
Step 6: Once initialized, you'll see the SSD as "Unallocated." Right-click on it and select New Simple Volume.
Step 7: Follow the on-screen prompts (keeping all defaults is Okay) to format and assign a drive letter to the SSD.
For macOS:
Step 1: Confirm the drive is properly attached, and power on the system, then boot into Mac OS.
Step 2: Open Disk Utility (you can find it using Spotlight with Cmd + Space and then typing "Disk Utility").
Step 3: In the left pane, select your SSD.
Step 4: Click on Erase.
Step 5: Provide a name for the drive, and under Format, choose: APFS for newer Macs and SSDs. Mac OS Extended (Journaled) for older systems or HDDs.
Step 6: Click Erase. Once the process completes, the SSD will be ready for use.
For Linux:
Step 1: Confirm the drive is properly attached, and power on the system, then boot into Linux OS.
Step 2: Open a terminal.
Step 3: Enter sudo fdisk -l to list all connected drives. Identify your SSD by its size and note the device name, e.g., /dev/sdb.
Step 4: Initialize the SSD using fdisk or parted. Here's a basic guide using fdisk: Enter sudo fdisk /dev/sdb (replace /dev/sdb with your SSD's device name). Press g to create a new GPT partition table. Press n to create a new partition. Follow the prompts to specify the size and type. Press w to write the changes.
Step 5: Format the new partition on the SSD (e.g., /dev/sdb1). You can format it with the filesystem of your choice: For ext4: sudo mkfs.ext4, For ext3: sudo mkfs.ext3 /dev/sdb1 /dev/sdb1, For FAT32: sudo mkfs.vfat /dev/sdb1
Step 6: Mount the SSD: Create a mount point: sudo mkdir /mnt/myssd, Mount the SSD: sudo mount /dev/sdb1 /mnt/myssd, Remember to replace /dev/sdb1 with your SSD's partition name.
FAQ: KSD-012010-001-15
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://www.kingston.com/en/blog/pc-performance/two-types-m2-vs-ssd
FAQ: KSD-012010-001-16
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-18
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-14
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-13
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-12
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
If your SSD requires new firmware, you will receive a notification when running Kingston’s SSD Manager software, located here: www.kingston.com/ssdmanager
FAQ: KSD-012010-001-11
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่