แม้ว่าจะสามารถบู๊ตได้จาก DataTraveler แต่ไม่ใช่คุณสมบัติการทำงานที่ Kingston รองรับไดร์ฟเหล่านี้มีไว้เพื่อจัดเก็บข้อมูลเท่านั้น

หากคุณมีข้อมูลสำคัญใน DataTraveler ขอแนะนำให้ใช้วิธีหนึ่งในสองวิธีต่อไปนี้เพื่อกู้ข้อมูล (ดูรายละเอียดด้านล่าง) Kingston ไม่มีบริการกู้คืนข้อมูลจัดให้ For more information on our warranty policy please visit http://www.kingston.com/company/warranty.asp

1. ติดต่อบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการกู้คืนข้อมูล เช่น Driver Savers ที่ www.drivesavers.com และ Ontrack ที่ www.ontrack.com นี่เป็นผู้ให้บริการเพียงบางส่วนเท่านั้น คุณสามารถค้นหาผู้ให้บริการกู้คืนข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Google
2. 2. ไปที่ www.download.com และทำการค้นหาผู้ให้บริการกู้คืนข้อมูล จากนั้นดาวน์โหลดยูทิลิตี้สำหรับกู้คืนข้อมูลที่ใช้งานได้ง่ายสำหรับคุณ แนะนำให้ลองใช้เวอร์ชั่นทดลองใช้ฟรีเนื่องจากสามารถใช้งานได้เหมือนกับเวอร์ชั่นเต็ม ทั้งนี้ในการดำเนินการดังกล่าว คอมพิวเตอร์จะต้องกำหนดอักขระกำกับไดร์ฟให้กับอุปกรณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถกู้คืนข้อมูลได้ หากไม่สามารถกู้คืนข้อมูลได้ แนะนำให้ใช้ตัวเลือกที่ #1

KDT-012611-GEN-25

ในการโอนไฟล์ขนาดใหญ่กว่า 4GB DataTraveler จะต้องใช้ระบบไฟล์ NTFS หรือ exFAT ทั้งนี้ระบบไฟล์ FAT32 ไม่รองรับการจัดการไฟล์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 4GB (ต้องต่ำกว่า 4GB หนึ่งไบต์) ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อฟอร์แมต DataTraveler เป็นระบบ NTFS

คำเตือน ข้อมูลทั้งหมดใน DataTraveler จะหายไป! กรุณาสำรองข้อมูลใน DataTraveler ก่อนดำเนินการต่อ

1. ไปที่ My Computer (Computer ใน Vista และ 7) คลิกขวาที่ไดร์ฟ Kingston จากนั้นเลือก Format
2. เลือก NTFS หรือ exFAT จากส่วนแสดงรายการระบบไฟล์
3. เลือก Quick Format เป็นตัวเลือกในการฟอร์แมต จากนั้นคลิก Start
   หมายเหตุ: หากไม่มีตัวเลือก NTFS ให้ปิดหน้าต่าง Format จากนั้นทำตามขั้นตอน 4-9
4. คลิกขวาที่ My Computer (Computer จาก Vista) จากนั้นเลือก Properties
5. เลือกแท็บ Hardware จากนั้นคลิก Device Manager
6. ขยายดิสก์ไดร์ฟ จากนั้นคลิกขวาที่ไดร์ฟ Kingston เลือก Properties
7. คลิกที่แท็บ Policies จากนั้นเลือก "Optimize for performance"
8. คลิก OK
9. ทำซ้ำขั้นตอนที่ 1-3

ทั้งนี้ MacOS 10.6.5 รองรับความเร็วในการอ่านและเขียนเต็มประสิทธิภาพสำหรับไดร์ฟ exFAT MacOS ยังสามารถอ่านอย่างเดียวในไดร์ฟ NTFS ได้

อุปกรณ์บางตัว (เครื่องเล่น MP3 กรอบภาพดิจิตอล ฯลฯ) ไม่สามารถอ่านไฟล์ NFTS หรือ exFAT ได้

นอกจากนี้จะต้องอัพเดต Windows XP และ Vista เพื่อให้สามารถค้นข้อมูล exFAT ได้/p>

ถอดอุปกรณ์ USB เสียบไดร์ฟ DataTraveler และรีสตาร์ทเครื่อง หลังจากกำหนดค่า DataTraveler คุณควรจะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ USB อื่น ๆ ได้

ความจุที่แจ้งสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแฟลชบางตัวใช้สำหรับฟอร์แมตและฟังก์ชั่นอื่น ๆ จึงไม่สามารถใช้เพื่อเก็บข้อมูลได้ ดังนั้นคุณจึงไม่เห็นความจุทั้งหมด

ขณะผลิตสื่อบันทึกข้อมูลแฟลช บริษัทมีขั้นตอนมากมายเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์จะทำงานเชื่อถือได้ และรองรับอุปกรณ์โฮสต์ (คอมพิวเตอร์ กล้องดิจิตอล PDA ฯลฯ) ในการเรียกค้นเซลล์หน่วยความจำ เช่น เพื่อจัดเก็บและเรียกค้นข้อมูลในสื่อบันทึกข้อมูลแฟลช ขั้นตอนเหล่านี้เรียกว่า "การฟอร์แมต" ซึ่งต้องใช้เซลล์หน่วยความจำบางส่วนของตัวอุปกรณ์ ทำให้ความจุสำหรับจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้ปลายทางลดลง

การฟอร์แมตครอบคลุมกระบวนการต่อไปนี้

1. การทดสอบเซลล์หน่วยความจำแต่ละส่วนในสื่อบันทึกข้อมูลแฟลช
2. การระบุหาเซลล์ทั้งหมดที่มีปัญหา และดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการเขียนข้อมูลหรืออ่านข้อมูลไปยังเซลล์ที่มีปัญหา
3. การสงวนเซลล์บางส่วนเป็น "พื้นที่สำรอง" เซลล์หน่วยความจำแฟลชมีอายุการใช้งานยาวนานแต่ไม่ถาวร ด้วยเหตุนี้เซลล์บางส่วนจะถูกสงวนไว้เพื่อแทนที่เซลล์หน่วยความจำที่อาจเสียหายไปตามเวลา
4. 4. การจัดทำ File Allocation Table (FAT) หรือไดเรคทอรี่อื่น ๆ เปิดใช้สื่อบันทึกข้อมูลแฟลชเพื่อจัดเก็บและเรียกค้นไฟล์ของลูกค้าอย่างสะดวกได้โดยจัดทำระบบการจัดการไฟล์เพื่อให้อุปกรณ์หรือคอมพิวเตอร์สามารถตรวจหาไฟล์ที่จัดเก็บไว้ในสื่อบันทึกข้อมูลแฟลช ระบบจัดการไฟล์ที่เป็นที่นิยมที่สุดสำหรับสื่อบันทึกข้อมูลแฟลชคือ File Allocation Table (FAT) ซึ่งใช้กับฮาร์ดไดร์ฟด้วยเช่นกัน
5. 5. การสำรองเซลล์บางส่วนสำหรับใช้โดยส่วนควบคุมของสื่อบันทึกข้อมูลแฟลช เช่น เพื่อจัดเก็บอัพเดตเฟิร์มแวร์และข้อมูลเฉพาะอื่น ๆ ของส่วนควบคุม
6. 6. การสงวนเซลล์บางส่วนสำหรับคุณสมบัติพิเศษ แล้วแต่กรณี เช่น การ์ด Secure Digital (SD) ต้องมีพื้นที่สงวนเพื่อรองรับการป้องกันการเขียนและระบบความปลอดภัยบางอย่าง

นี่เป็นปัญหาเรื่องกระแสไฟ
แม้ว่าอุปกรณ์ USB บางตัวอาจทำงานได้ดีกับพอร์ต USB เหล่านี้ แต่อุปกรณ์ USB 2.0 High Speed จะต้องใช้กระแสไฟมากกว่า
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้เสียบตัวอ่านโดยตรงเข้าที่พอร์ต USB ของอุปกรณ์หลัก
พอร์ต USB นี้มักอยู่ที่ด้านหลังของเคส

1. ไดร์ฟ DataTraveler อาจใช้อักขระกำกับไดร์ฟเดียวกับที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แก้ไขได้โดยทำตามข้อมูลต่อไปนี้ (ห้ามใช้วิธีนี้กับไดร์ฟ "ส่วนตัว" ที่กำหนดอักขระกำกับไดร์ฟไว้สองตัว):

1. เสียบ DataTraveler และเปิด "Control Panel" จากนั้นเปิด "Administrative Tools"
2. เปิด Computer Management
3. เลือก "Disk Management" จากแถบคำสั่งในหน้าต่างด้านซ้าย
4. ค้นหา DataTraveler ที่แถบคำสั่งหน้าต่างด้านขวา
5. คลิกขวาที่ไดร์ฟ จากนั้นเลือก "change Drive Letter and Paths"
6. คลิก Change จากนั้นเลือกอักขระกำกับไดร์ฟจากช่องแสดงรายการ จากนั้นคลิก OK

2. ไดร์ฟ DataTraveler อาจขัดแย้งกับซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้เบื้องต้น ปิดแอพพลิเคชั่นทั้งหมดที่ทำงานอยู่เบื้องหลังก่อนติดตั้ง DataTravler

3. Windows และไดร์เวอร์ควบคุม USB หรือ BIOS เครื่องจะต้องเป็นข้อมูลล่าสุด

4. สำหรับผู้ใช้เดสก์ทอป ให้ตรวจสอบว่าเสียบ DataTraveler เข้าที่พอร์ต USB ด้านหลังของ PC อยู่หรือไม่ พอร์ตด้านหน้า พอร์ตแป้นพิมพ์หรือฮับ USB อาจมีกระแสไฟไม่เพียงพอสำหรับ High Speed DataTraveler ในการทำงานตามปกติ

5. ตรวจหาข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ USB ตัวอื่น เช่น เครื่องพิมพ์ และการ์ดรีดเดอร์ USB ถอดอุปกรณ์ USB เสียบไดร์ฟ DataTraveler และรีสตาร์ทเครื่อง หลังจากกำหนดค่า DataTraveler คุณควรจะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ USB อื่น ๆ ได้

นี่เป็นข้อจำกัดของระบบไฟล์ หากต้องการถ่ายโอนข้อมูลมากขึ้นไปยังอุปกรณ์นี้ คุณจะต้องลบข้อมูลที่มีอยู่ในไดร์ฟและสร้างโฟลเดอร์ขึ้นในไดร์ฟเพื่อคัดลอกไฟล์ลงไป หลังดำเนินการตามนี้ คุณจะสามารถโอนข้อมูลลงใน DataTraveler ได้เพิ่มมากขึ้น

This usually is caused by a program that re-partitions the drive to a smaller capacity it can use. Windows native format utility is usually not able to restore the capacity. We suggest you search online for a third party format utility.

คุณอาจฟอร์แมตไดร์ฟด้วยระบบไฟล์ exFAT ขณะใช้ Windows 7 แก้ไขปัญหาโดยฟอร์แมตไดร์ฟเป็น FAT32 หรือ NTFS นอกจากนี้ยังสามารถอัพเดตระบบปฏิบัติการเพื่อให้รองรับ exFAT ได้ ทั้งนี้อุปกรณ์บางตัว (เครื่องเล่น MP3 กรอบภาพดิจิตอล ฯลฯ) ไม่สามารถอ่านไฟล์ exFAT ได้

อาจเนื่องมาจากค่าการใช้พลังงานของพอร์ต USB ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนในการปรับแต่งค่า:

1. คลิก Start > Control Panel
2. คลิกที่ลิงค์ Performance and Maintenance
3. คลิกที่ลิงค์ System control panel
4. คลิกที่แท็บ Hardware
5. คลิกที่ปุ่ม Device Manager
6. คลิกที่ + ด้านหน้าของส่วนควบคุม USB เพื่อขยายหมวดฮาร์ดแวร์นี้
7. คลิกขวาที่ USB Root Hub จากนั้นเลือก Properties
8. 8. คลิกที่แท็บ Power Management จากนั้นลบเครื่องหมายในช่องติดกับ "Allow the computer to turn off this device to save power"
9. ทำซ้ำขั้นตอนที่ 7 และ 8 สำหรับ USB Root Hub อื่น ๆ ที่ปรากฏ
10. รีบู๊ตเครื่อง

เนื่องจาก DataTraveler มีขนาดตั้งแต่ 32GB ขึ้นไป Windows 7 จึงไม่อนุญาตให้ฟอร์แมตเป็น FAT32 คุณจะต้องแปลงข้อมูลผ่าน Command Prompt คลิกที่ Start>Run จากนั้นพิมพ์ CMD แล้วคลิกปุ่ม OK จากพรอมท์ ให้พิมพ์ข้อความต่อไปนี้ (ดูภาพ) F เป็นอักขระกำกับไดร์ฟ ให้แทนที่ด้วยอักขระกำกับไดร์ฟที่คุณใช้ กรุณาเว้นช่องว่างให้ถูกต้อง

Windows กำหนดไดร์ฟใหม่ให้กับไดร์ฟทางกายภาพตัวถัดไป ด้วยเหตุนี้ระบบอาจกำหนดอักขระกำกับไดร์ฟที่เหมือนกัน นี่เป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับสื่อบันทึกข้อมูลต่อพ่วง

แก้ปัญหานี้โดยไปที่ panel>administrative tools>computer management สังเกตไดร์ฟที่บนแถบคำสั่งหน้าต่างด้านขวา ดูว่าพบ Kingston (x) หรือไม่ (x) เป็นอักขระกำกับไดร์ฟที่ Windows กำหนดให้กับ DataTraveler

หาก DataTraveler ใช้อักขระกำกับไดร์ฟเดียวกับไดร์ฟตัวอื่น ให้คลิกขวาที่อักขระกำกับไดร์ฟของ Kingston จากนั้นคลิกที่ "Change Drive letter and Paths"

จากกล่องโต้ตอบถัดไป คลิกที่ปุ่ม "Change" จากนั้นกำหนดอักขระกำกับไดร์ฟที่ยังไม่ได้ใช้

หมายเหตุ: อย่าแก้ไขอักขระกำกับไดร์ฟเองหากคุณมี DataTraveler "ส่วนตัว" ที่กำหนดอักขระกำกับไดร์ฟสองตัวให้กับอุปกรณ์ดังกล่าว

ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อฟอร์แมต DataTraveler เป็นระบบ NTFS โดยใช้ PC ระบบ Windows

หมายเหตุ: ต้องใช้สิทธิ์ผู้ดูแลระบบ

1. ถอดไดร์ฟแฟลชต่อพ่วงอื่นทั้งหมดออกจากคอมพิวเตอร์
2. คลิกขวาที่ My Computer (Computer จาก Vista) จากนั้นเลือก Manage
   หมายเหตุ: ในกรณีที่เปิดใช้ User Account Control ไว้ใน Windows Vista การแจ้งเตือนจะปรากฏขึ้นให้ทราบ คลิก Continue เพื่อดำเนินการต่อ
3. จากหน้าต่างด้านขวา ดับเบิลคลิกที่ Storage จากนั้นดับเบิลคลิกที่ Disk Management
4. จากหน้าต่างด้านขวา คลิกขวาที่ไดร์ฟ Kingston (ต่อพ่วง) จากนั้นเลือก Format
   หมายเหตุ: คุณจะได้รับข้อความแจ้งเตือนต่อไปนี้ "This is the active partition on this disk. All data on the partition will be lost. Are you sure you want to format this partition?" คลิก Yes เพื่อดำเนินการต่อ
5. จากหน้าต่าง Format เลือก "NTFS" จากนั้นทำเครื่องหมายที่ช่องติดกับ "Perform a quick format" คลิก OK
6. คลิก OK จากหน้าต่างแจ้งเตือนให้ Format

หน้าต่างไดร์ฟ Kingston (ต่อพ่วง) จะแสดงข้อความ "Formatting" ขณะกำลังฟอร์แมตไดร์ฟ หลังจากฟอร์แมตเสร็จสิ้น สถานะจะเปลี่ยนเป็น "Healthy"

ReadyBoost เป็นระบบใน Windows Vista และ Windows 7 ซึ่งสามารถใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลของไดร์ฟ USB เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานของระบบ DataTraveler ไม่รองรับ Windows ReadyBoost

ต้องขออภัยที่ไม่มี Kingston DataTraveler รุ่นใดที่รองรับ Windows ME

มีอยู่หลายสาเหตุที่ทำให้ Windows ไม่ติดตั้ง DataTraveler ของคุณ

1. ในกรณีที่ตัวช่วยดำเนินการ "Add New Hardware" กำลังค้นหาไดร์เวอร์อุปกรณ์ ให้แจ้งเส้นทางไปที่ Windows\System32\DriverStore\FileRepository และเปิดใช้ "Include subfolders" จากหน้าต่าง Browse หากไม่สามารถแก้ไขปัยหาได้ ให้โยงไปยังโฟลเดอร์ย่อยใน FileRepository:
   
   FileRepository\usbstor.inf_...
   FileRepository\disk.inf_...
   FileRepository\volume.inf_...
   FileRepository\wpdfs.inf_...
2. หาก FileRepository ไม่สามารถใช้งานได้ ให้โยงไปยังตำแหน่งต่อไปนี้ Windows\System32\Spool\Drivers และเปิดใช้ "Include subfolders" จากหน้าต่าง Browse
3. Microsoft ได้จัดทำชุดข้อมูลแก้ไขสำหรับอุปกรณ์ USB ที่ Vista ไม่สามารถตรวจหาได้อัตโนมัติไว้ คลิกที่ลิงค์ต่อไปนี้หรือคัดลอกและวางลิงค์ไปยังเว็บเบราเซอร์เพื่อสืบค้นรายละเอียด: http://support.microsoft.com/kb/940199/en-us
4. หากชุดข้อมูลแก้ไขไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แสดงว่าอาจไม่มีไฟล์ usbstor.inf และ usbstor.pnf หรือไฟล์เสียหาย
1. เสียบ DataTraveler เมื่อได้รับแจ้ง "Found New Hardware" คลิก Cancel และถอด DataTraveler ออก
2. ไปที่ (C:)>Windows>inf เพื่อยืนยันว่ามีไฟล์ usbstor.inf และ usbstor.pnf อยู่ หากไม่พบ แสดงว่าไฟล์อาจเสียหายหรือถูกลบทิ้งระหว่างติดตั้ง Vista/อัพเกรด ทำให้ไม่สามารถโหลดได้ หากไม่มีไฟล์ usbstor.inf และ usbstor.pnf ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
   
   
1. 1. ค้นหาไฟล์ usbstor.inf และ usbstor.pnf ล่าสุดจาก Windows\System32\DriverStore\FileRepository\usbstor.inf
   
   หมายเหตุ: อาจมีไฟล์ usbstor.inf และ usbstor.pnf อยู่หลายตัว เลือกไฟล์ที่จัดทำล่าสุด ทำได้โดยจัดเรียงไฟล์ตามวันที่
2. คัดลอกไฟล์ usbstor.inf และ usbstor.pnf ไปที่ Windows>inf
3. เสียบ DataTraveler เข้าไปใหม่
   
   หากไม่ได้ผล และ/หรือมี usbstor.inf และ usbstor.pnf อยู่ใน Windows\Inf ให้ถอดไดร์ฟและเสียบเข้าไปใหม่ จากนั้นรอให้ข้อความแจ้ง Found New Hardware ปรากฏขึ้น เลือก "Locate and install driver software (recommended)" คลิกดำเนินการต่อเพื่อให้อนุญาต เลือก "Don't search online." เลือก "I don't have disc, show me other instructions." เลือก "my computer for driver software (advanced)." เข้าไปที่ตำแหน่งต่อไปนี้เพื่อค้นหาไดร์เวอร์ (เปิดใช้ "Include subfolders" ในหน้าต่าง Browse):

a) Windows\Inf
c) Windows\System32\DriverStore\FileRepository\
d) Windows\System32\DriverStore\FileRepository\usbstor.inf_...
e) Windows\System32\DriverStore\FileRepository\disk.inf_...
f) Windows\System32\DriverStore\FileRepository\volume.inf_...
g) Windows\System32\DriverStore\FileRepository\wpdfs.inf_...
h) Windows\System32\Spool\Drivers

เปลี่ยนระบบรองรับ Legacy USB ใน BIOS เป็น Disabled (หรือตรงกันข้ามกับที่ตั้งค่าไว้ในปัจจุบัน)

แก้ไขปัญหาโดยปรับแต่งค่าใช้รีจิสตรี้ หากไม่ระวังให้ดีอาจทำให้คอมพิวเตอร์เสียหายร้ายแรงได้ ไปที่ปุ่ม Start ตามด้วย Run พิมพ์ "regedit" จากนั้นคลิก OK ไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Services\VxD\IOS จากแถบคำสั่งด้านขวา ให้ค้นหาคำว่า "noide" ลบรายการนี้ บันทึกการเปลี่ยนแปลง จากนั้นรีสตาร์ทเครื่อง

Windows may not recognize the MacOS Extended or Standard file system. To resolve, format the drive in MacOS DOS so that it can be used in both environments.

WARNING: Formatting will erase all of the data on the DataTraveler. Back up your data before proceeding.

1. Insert the DataTraveler into the Mac OS X machine and wait for it to mount.
2. Click on the "GO" option on the menu bar.
3. Double-click on Utilities (If you do not see Utilities, double-click on Applications and then double-click on the Utilities folder.)
4. Double-click on the Disk Utility icon.
5. On the Disk Utility Dialog box, click once on the Kingston DataTraveler active partition.
   Note: There will be two listings for the DataTraveler, the first one is the active partition and the second is the volume label.
6. Click the erase tab located on the right side of the screen.
7. Using the Volume Format drop-down, select "MS-DOS File System" from the list.
8. Click Erase.

Be aware MacOS 10.6.5 will support full read and write access to exFAT formatted drives. So formatting the drive using exFAT file system may also resolve this problem. MacOS still has read only access to NTFS formatted drives.

Some devices (MP3 players, digital photo frames, etc) will not read NTFS or exFAT file systems.

Also Windows XP and Vista will require an update in order to access exFAT.

รองรับ DataTraveler สามารถใช้งานได้กับ Linux หากคุณใช้เวอร์ชั่น Linux Kernel 2.6.x หรือสูงกว่านี้

หมายเหตุ: หาก DataTraveler มีจำหน่ายมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์จะไม่สามารถใช้งานกับ Linux ได้ ตัวไดร์ฟเท่านั้นที่สามารถใช้งานกับ Linux ได้

แก้ไขปัญหาโดยเสียบไดร์ฟเข้าที่พอร์ต USB ของคอมพิวเตอร์โดยตรง พอร์ต USB ที่แป้นพิมพ์หรือฮับบางตัวอาจมีกระแสไฟไม่เพียงพอสำหรับการทำงานของ Kingston DataTraveler เข้าไปที่ Finder>Preferences>Sidebar โดยเลือก CD, DVD และ iPod และไดร์ฟต่อพ่วง ไว้

สำหรับเครื่อง Macs ก่อนอื่นคุณต้องล้างถังขยะเพื่อเรียกคืนพื้นที่ว่าง คุณสามารถถอดไดร์ฟและเสียบกลับเข้าไปใหม่เพื่อล้างถังขยะ

หากไม่ได้ผล ให้ทำการฟอร์แมตอุปกรณ์ กรุณาทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อฟอร์แมตไดร์ฟของ Kingston

คำเตือน: การฟอร์แมตเป็นการลบข้อมูลทั้งหมดของคุณ กรุณาทำสำเนาข้อมูลไว้ก่อนดำเนินการใด ๆ

1. ไปที่ Go > Applications > Utilities จากนั้นเปิด Disk Utility1. ไปที่ Go > Applications > Utilities จากนั้นเปิด Disk Utility

2. เลือกไดร์ฟจากแถบคำสั่งด้านซ้าย จากนั้นคลิก Erase ทางด้านขวา

3. เลือก Volume Format เลือกระบบไฟล์ MS-DOS เพื่อให้ไดร์ฟสามารถใช้งานได้ทั้งกับ Mac และ Windows หากใช้เฉพาะในเครื่อง Mac ให้เลือก Mac OS Extended เป็น Volume Format

4. คลิก Erase

หากเกิดปัญหานี้ขึ้นหาก DataTraveler ฟอร์แมตเป็น Microsoft Windows NTFS แก้ไขปัญหาโดยฟอร์แมต DataTraveler ด้วย Mac OS X โดยเลือกระบบไฟล์ MS-DOS

ฟอร์แมต DataTraveler ผ่าน Mac OS 10.3.X ได้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. คลิกที่ "GO" จากแถบเมนู
2. ดับเบิลคลิกที่ "Utilities" (หากไม่พบ Utilities ให้ดับเบิลคลิกที่ Applications จากนั้นดับเบิลคลิกที่โฟลเดอร์ Utilities)
3. ดับเบิลคลิที่ไอคอน "Disk Utility"
4. จากกล่องโต้ตอบ Disk Utility คลิกหนึ่งครั้งที่พาร์ติชั่นใช้งานของ Kingston DataTraveler
   หมายเหตุ: จะมีรายการสองชุดสำหรับ Data Traveler ชุดแรกเป็นพาร์ติชั่นใช้งานและชุดที่สองเป็นฉลากกำกับไดร์ฟ
5. คลิกแท็บลบด้านขวาของหน้าจอ
6. ใช้ส่วนแสดงรายการ Volume Format เลือก "MS-DOS File System" จากรายการ
7. คลิก Erase

ทั้งนี้ MacOS 10.6.5 รองรับความเร็วในการอ่านและเขียนเต็มประสิทธิภาพสำหรับไดร์ฟ exFAT การฟอร์่แมตไดร์ฟเป็นระบบ exFAT อาจแก้ไขปัญหานี้ได้ MacOS ยังสามารถอ่านอย่างเดียวในไดร์ฟ NTFS ได้

Some devices (MP3 players, digital photo frames, etc) will not read NTFS or exFAT file systems.

นอกจากนี้จะต้องอัพเดต Windows XP และ Vista เพื่อให้สามารถค้นข้อมูล exFAT ได้

ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้ไดร์ฟ DataTraveler เพิ่มเติมโดยคลิกที่นี่ เพื่อรับชมวิดีโอ "แนะนำ" http://www.kingston.com/support/howtodt/default.asp

หลังฟอร์แมต DataTraveler ใน Mac OS X อาจเกิดกรณีดังต่อไปนี้ขึ้น

• * ไม่สามารถอ่านไดร์ฟได้ใน Windows XP
• * ขณะพยายามฟอร์แมตไดร์ฟใน Windows พื้นที่เพียง 2GB เท่านั้นที่ได้รับการฟอร์แมต พาร์ติชั่นจะถูกสร้างขึ้นสองส่วน
• * หลังเพิ่มไฟล์ข้อมูลในไดร์ฟผ่าน Mac ระบบ Windows จะไม่สามารถเห็นข้อมูลนี้

อาจเกิดขึ้นจากการใช้ตารางพาร์ติชั่น GUID ซึ่งเป็นตารางพาร์ติชั่นเริ่มต้นสำหรับเครื่อง Mac ระบบ Intel ตารางพาร์ติชั่น GUID รองรับเฉพาะใน Windows Vista Windows 7 และ Windows XP ไม่รองรับระบบไฟล์นี้ แก้ไขปัญหาโดยลบข้อมูลไดร์ฟผ่าน Mac OS X โดยใช้ตัวเลือกที่เหมาะสม ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อลบข้อมูลไดร์ฟผ่าน Mac OS X

• * เข้าไปที่ Disk Utility
• * เลือกดิสก์ จากนั้นเลือกแท็บ "Partition"
• * กำหนดรูปแบบไดร์ฟเป็น "1 Partition"
• * แก้ไขฟอร์แมตเป็น "MS-DOS (FAT)"
• * คลิกที่ปุ่ม "Options" บริเวณด้านล่างของหน้าจอ จากนั้นเลือกตารางพาร์ติชั่น "Master Boot Record"
• * คลิก Apply เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงและฟอร์แมตไดร์ฟใหม่

หลังฟอร์แมตเสร็จสิ้น ให้ตรวจสอบว่าดิสก์ใช้ MBR อยู่โดยดูจาก "รูปแบบผังพาร์ติชั่น" ที่มุมด้านล่างขวาของหน้าต่าง Disk Utility ควรมีข้อความแจ้งเป็น "Master Boot Record"

นี่เป็นปัญหาการคัดลอกไดเรคทอรี่ (ที่สร้างโดย Finder) ต้นทางและกลับไปที่อุปกรณ์บันทึกข้อมูล USB ที่กำหนดค่าเป็นแบบ MS-DOS/FAT ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้จนกว่า Apple จะจัดทำข้อมูลอัพเดตใหม่เพื่อแก้ไขปัญหานี้

1. เรียกใช้ Terminal จาก Applications > Utilities จากนั้นพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้พร้อมเว้นวรรคท้ายข้อความ:
   
   dot_clean
2. เลือกโฟลเดอร์ที่ทำให้เกิด "Error code-36" ลากและวางโฟลเดอร์โดยตรงในหน้าต่าง Terminal เลือกโฟลเดอร์ที่ทำให้เกิด "Error code-36" ลากและวางโฟลเดอร์โดยตรงในหน้าต่าง Terminal
3. 3. เส้นทางไปยังโฟลเดอร์ที่เกี่ยวข้องควรปรากฏขึ้นท้ายคำสั่ง Terminal เช่น
   
   dot_clean /Users/UserName/Desktop/Test_Folder
4. ด Enter/Return เพื่อเรียกใช้คำสั่ง หากดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คุณควรจะสามารถโอนโฟลเดอร์ไปยังอุปกรณ์บันทึกข้อมูล USB ได้แล้วโดยไม่มีข้อผิดพลาด
5. ทำซ้ำขั้นตอนตามความจำเป็นสำหรับโฟลเดอร์อื่น ๆ