support category usb
IronKey KP200 (IKKP200)

Kingston IronKey Keypad 200 Series - การสนับสนุน

วิดีโอ

832342139 3:08

การใช้ไดรฟ์ USB กับเครื่อง Mac

832341773 2:52

การใช้งานไดรฟ์ USB กับ Ubuntu Linux

758059690 4:07

Kingston® IronKey™ Keypad 200 Walkthrough

758059651 3:28

How to Setup the Kingston IronKey™ Keypad 200

832341957 3:16

การใช้ไดรฟ์ USB กับ Windows PC

คำถามที่พบบ่อย

นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช ทั้งในกรณีของ SSD แบบภายในและไดรฟ์ USB แบบต่อพ่วง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ผลิตหน่วยความจำแฟลชและผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์แบบจานหมุนมีวิธีคำนวณเมกะไบต์ที่แตกต่างกัน ผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์คำนวณเมกะไบต์ (หรือ 1,000x1,000 ไบต์) เป็น 1,000KB ส่วนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชคำนวณแบบไบนารีหรือก็คือ 1,024KB

ตัวอย่าง: สำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช 1TB Windows จะคำนวณความจุเท่ากับ 931.32GB (1,000,000,000,000÷1,024÷1,024÷1,024=931.32GB)

นอกจากนี้ Kingston ยังกันพื้นที่หน่วยความจำบางส่วนไว้ใช้ในการฟอร์แมตและวัตถุประสงค์อย่างอื่น เช่น เฟิร์มแวร์และ/หรือข้อมูลเกี่ยวกับตัวควบคุม ดังนั้นพื้นที่ส่วนนี้จึงไม่สามารถใช้จัดเก็บข้อมูลได้

FAQ: KDT-010611-GEN-06

บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่

เมื่อคุณลบไฟล์ออกจากไดรฟ์ขณะต่อไดรฟ์เข้ากับระบบ macOS ระบบ macOS จะสำรองไฟล์เหล่านั้นเอาไว้เพื่อให้คุณกู้คืนไฟล์กลับมาได้หากคุณเผลอลบโดยไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนี้ ฟีเจอร์นี้ยังทำให้ macOS กันพื้นที่ส่วนหนึ่งในไดรฟ์เผื่อไว้ในกรณีที่คุณต้องการกู้ไฟล์ดังกล่าว ดังนั้น หากคุณต้องการพื้นที่ว่างในไดรฟ์กลับคืนมา คุณจะต้องลบไฟล์ในถังขยะ macOS ขณะที่เชื่อมต่อไดรฟ์เข้ากับคอมพิวเตอร์ macOS  

หากไม่ได้ผล ให้ทำการฟอร์แมตอุปกรณ์ โปรดทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อฟอร์แมตไดรฟ์ของ Kingston

คำเตือน: การฟอร์แมตเป็นการลบข้อมูลทั้งหมดของคุณ กรุณาทำสำเนาข้อมูลไว้ก่อนดำเนินการใด ๆ

  1. ไปที่ Go > Applications > Utilities จากนั้นเปิด Disk Utility
  2. เลือกไดรฟ์จากแถบคำสั่งด้านซ้าย จากนั้นคลิก Erase ทางด้านขวา
  3. เลือก Volume Format เลือกระบบไฟล์ MS-DOS หรือ exFAT หากคุณวางแผนจะใช้ไดรฟ์กับ macOS และ Windows หากใช้เฉพาะในเครื่อง Mac ให้เลือก macOS Extended เป็น Volume Format
  4. คลิก Erase

FAQ: KDT-010611-GEN-04

บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่

ส่วนใหญ่แล้ว เมื่อสัมผัสอุปกรณ์ USB แบบต่อพ่วงคุณจะรู้สึกว่าอุปกรณ์อุ่นหรือร้อน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากปลอกด้านนอกจะช่วยลดอุณหภูมิของส่วนประกอบด้านในโดยการระบายความร้อนออกมา

ตัวอย่างปัจจัยที่ส่งผลให้อุปกรณ์ USB แบบต่อพ่วงมีอุณหภูมิสูงขึ้น

    • วัสดุ: แฟลชไดรฟ์และรีดเดอร์โลหะมีความเป็นไปได้ว่าจะมีอุณหภูมิสูงกว่าแฟลชไดรฟ์ USB แบบอื่น ๆ ขณะใช้งาน เหตุผลเป็นเพราะโลหะดูดซับความร้อนได้มากกว่าวัสดุชนิดอื่น ๆ อย่างเช่นพลาสติก
    • อุณหภูมิแวดล้อม: หากอุปกรณ์โฮสต์หรืออุณหภูมิแวดล้อมสูง การระบายความร้อนของไดรฟ์จะลดลง ดังนั้น ไดรฟ์ USB จะร้อนขึ้นเมื่อใช้งานสภาพแวดล้อมที่ร้อนหรือใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่มีอุณหภูมิสูง
      • การถ่ายโอนไฟล์: การถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่หรือไฟล์จำนวนมากอาจทำให้ไดรฟ์มีอุณหภูมิสูงขึ้นได้เช่นกัน ไฟล์ขนาดใหญ่จะใช้เวลาถ่ายโอนนานกว่า ต้องใช้พลังงานมากกว่า จึงสร้างความร้อนมากกว่าด้วย นอกจากนี้ การถ่ายโอนไฟล์หลายไฟล์ติด ๆ กันจะให้ผลลัพธ์แบบเดียวกับการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ และทำให้ไดรฟ์มีอุณหภูมิสูงขึ้น ระหว่างการถ่ายโอนไฟล์ ภายในไดรฟ์จะร้อนขึ้น และไดรฟ์จะระบายความร้อนออกมาผ่านปลอกไดรฟ์
    หมายเหตุ: ปัจจัยข้างต้นจะไม่ส่งผลต่อการทำงานของอุปกรณ์ USB

    หลังจากถ่ายโอนไฟล์เสร็จ แนะนำให้รอ 30-60 วินาทีก่อนจะดึงไดรฟ์ USB ออกจากเครื่องโฮสต์ เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการระบายความร้อนของไดรฟ์ USB

    FAQ: KTD-021211-GEN-01

    บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่

    นี่เป็นข้อจำกัดของระบบไฟล์แบบ FAT32 ซึ่งมีการจำกัดจำนวนไฟล์ที่เก็บไว้ในไดเรกทอรีหลัก (root) ของไดรฟ์ หากต้องการโอนข้อมูลมายังไดรฟ์นี้มากขึ้น คุณต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

    ก) สร้างโฟลเดอร์ในไดเรกทอรีหลักของไดรฟ์ จากนั้นค่อยโอนข้อมูลทั้งหมดไปยังโฟลเดอร์ดังกล่าว หลังจากนั้น คุณจะสามารถโอนข้อมูลลงใน DataTraveler ได้มากขึ้น

    B) โอนข้อมูลในไดรฟ์ไปยังสื่อจัดเก็บข้อมูลอื่นเพื่อสำรองข้อมูล จากนั้นฟอร์แม็ตไดรฟ์ด้วยระบบไฟล์ exFAT หลังจากนั้น คุณจะสามารถโอนข้อมูลลงใน DataTraveler ได้มากขึ้น

    FAQ: KDT-010611-GEN-12

    บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่

    Still Need Assistance?

    ติดต่อฝ่ายบริการทางเทคนิค

    Monday-Friday 6 a.m.-6 p.m. PT

    +1 (800)435-0640