ระบบตรวจหาและแก้ไขข้อผิดพลาด
SSD จะต้องรักษาความสมบูรณ์ของข้อมูลไว้ขณะข้อมูลเคลื่อนย้ายจาก PC โฮสต์ไปยังส่วนจัดเก็บข้อมูล NAND ผ่านชุดควบคุม SSD ข้อมูลที่โอนจากโฮสต์ไปยัง SSD มักเรียกเป็น “ข้อมูลระหว่างนำส่ง” หรือ “ข้อมูลที่กำลังส่ง” ก่อนที่จะถูกเขียนไปยังส่วนจัดเก็บข้อมูลแฟลช NAND ชุดควบคุม SSD ใช้เทคโนโลยี Error Correction (หรือ ECC ย่อมาจาก Error Correction Code) เพื่อตรวจหาและแก้ไขข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ที่อาจส่งผลต่อข้อมูลระหว่างการนำส่ง ชิปหน่วยความจำแฟลชจะเก็บข้อมูลแก้ไขข้อผิดพลาดเพิ่มเติม และบล็อคข้อมูลทั้งหมดที่ถูกเขียน ข้อมูลนี้จะใช้เพื่อให้ชุดควบคุม SSD สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดต่าง ๆ ได้พร้อมกันขณะอ่านบล็อคข้อมูล หน่วยความจำแฟลช NAND มีลักษณะคล้ายกับฮาร์ดดิสก์ คือจะมีข้อผิดพลาดบิตข้อมูลระหว่างการทำงานปกติโดยจะมีการแก้ไขข้อผิดพลาดระหว่างการทำงานผ่านข้อมูล ECC ที่มี
ในบางกรณีซึ่งเกิดขึ้นน้อยมาก บล็อคข้อมูลที่กำลังอ่านอาจไม่สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ โดยชุดควบคุม SSD จะจดจำสถานการณ์นี้ไว้เป็น Uncorrectable ECC Error (UECC) และแจ้งปัญหาไปยังงคอมพิวเตอร์โฮสต์ SSD ออกแบบมาให้ทำงานได้มีเสถียรภาพสูง สำหรับ SSD ไคลเอนท์ UECC มักมีสัดส่วนเป็นหนึ่งใน 10
-15 บิตข้อมูลที่อ่าน ส่วน SSD ระดับองค์กรมักมีสัดส่วนเป็นหนึ่งใน 10-16 บิตข้อมูลที่อ่าน ภายใต้เงื่อนไขของ JEDEC, JEDS218A และ JESD219 UBER ที่เสนอโดย JEDEC ในส่วนของ SSD สำหรับองค์กรและไคลเอนท์ พบว่า SSD ระดับองค์กรจะมีอัตราข้อผิดพลาดบิตข้อมูลที่ไม่สามารถกู้คืนได้เพียง 1 ต่อ 1,000 ล้านล้านบิต (~1.11 พาทาไบต์) เมื่อเทียบกับ SSD ไคลเอนท์ที่มีข้อผิดพลาดบิตข้อมูลที่ 1 ต่อ 100 ล้านล้านบิต (~0.11 เพทาไบต์) ที่อ่าน
Kingston SSD ยังเลือกใช้บล็อคว่างในอุปกรณ์แฟลช NAND ให้เป็นประโยชน์ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเหล่านี้มักอยู่ในพื้นที่จัดสรรส่วนเกิน (OP) ของไดร์ฟโดยที่ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงได้ หากอุปกรณ์ NAND มีข้อผิดพลาดในบล็อคข้อมูลมากเกินไป บล็อคข้อมูลดังกล่าวจะกำกับเป็น Bad Block และถูกปลดระวาง และบล็อคข้อมูลสำรองจะถูกหมุนเวียนมาใช้แทน ระหว่างกระบวนการนี้ ข้อมูลจะถูกแก้ไขตามความเหมาะสมโดยใช้ ECC การใช้บล็อคสำรองจะช่วยเพิ่มอายุการใช้งานและความทนทานของไดร์ฟ SSD