
KC3000 PCIe 4.0 NVMe M.2 SSD - การสนับสนุน
ข้อมูลอ้างอิง
วิดีโอ
คำถามที่พบบ่อย
1. ดาวน์โหลด Kingston SSD Manager จากเว็บไซต์ https://www.kingston.com/support/technical/ssdmanager เพื่อดูว่าไดรฟ์ต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์หรือไม่ ถ้าใช่ อัปเดตให้เสร็จเรียบร้อย (ถ้าระบบแนะนำ)
2. อ่านหน้าการสนับสนุนของผู้ผลิตอุปกรณ์ของคุณ แล้วตรวจสอบว่าอุปกรณ์ต้องอัปเดต BIOS หรือไม่
3. ตรวจสอบยืนยันว่าคุณกำลังใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดอยู่หรือไม่ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการอัปเดตที่อยู่ระหว่างดำเนินการ
4. ตรวจสอบยืนยันว่าคุณกำลังใช้งานไดรเวอร์เวอร์ชันล่าสุดของอุปกรณ์ โดยการเข้าไปที่หน้าการสนับสนุนของผู้ผลิตอุปกรณ์ จากนั้นมองหาการอัปเดตไดรเวอร์ล่าสุด
หากคุณยังเจอปัญหาหลังจากทำตามขั้นตอนเหล่านี้ โปรดติดต่อฝ่ายสนับสนุนทางเทคนิคของ Kingston
FAQ: KSD-012010-001-21
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช ทั้งในกรณีของ SSD แบบภายในและไดรฟ์ USB แบบต่อพ่วง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ผลิตหน่วยความจำแฟลชและผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์แบบจานหมุนมีวิธีคำนวณเมกะไบต์ที่แตกต่างกัน ผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์คำนวณเมกะไบต์ (หรือ 1,000x1,000 ไบต์) เป็น 1,000KB ส่วนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชคำนวณแบบไบนารีหรือก็คือ 1,024KB
ตัวอย่าง: สำหรับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช 1TB Windows จะคำนวณความจุเท่ากับ 931.32GB (1,000,000,000,000÷1,024÷1,024÷1,024=931.32GB)
นอกจากนี้ Kingston ยังกันพื้นที่หน่วยความจำบางส่วนไว้ใช้ในการฟอร์แมตและวัตถุประสงค์อย่างอื่น เช่น เฟิร์มแวร์และ/หรือข้อมูลเกี่ยวกับตัวควบคุม ดังนั้นพื้นที่ส่วนนี้จึงไม่สามารถใช้จัดเก็บข้อมูลได้
FAQ: KDT-010611-GEN-06
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-001525-001-00
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-00
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-01
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
แต่หากทำแบบนั้นไม่ได้หรือหากคุณเคยโคลนข้อมูลเก่าไปยังไดรฟ์นั้นมาก่อน ยืนยันว่าไดรฟ์ใหม่ปรากฏเป็นอุปกรณ์บู๊ตใน BIOS ของระบบ จากนั้นเลือกไดรฟ์นั้นระหว่างการบู๊ตเครื่อง
FAQ: KSD-012010-001-03
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
-ยืนยันว่า BIOS ของระบบรู้จัก SSD ตัวใหม่ แต่ถ้าไม่รู้จัก เข้าไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตเมนบอร์ด / ระบบ เพื่อดูว่ามี BIOS ใหม่ล่าสุดหรือไม่
-ตรวจสอบว่า BIOS ได้รับการกำหนดค่าให้ยอมรับ NVMe SSD ตัวใหม่
-ยืนยันว่าระบบปฏิบัติการที่จะติดตั้งนั้นยอมรับ NVMe SSD (เช่น Windows 8 หรือใหม่กว่า)
หมายเหตุ: Kingston SSD ไม่ต้องใช้ไดรเวอร์เพิ่มเติมในการทำงาน
FAQ: KSD-012010-001-05
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://support.microsoft.com/en-us/topic/update-to-add-native-driver-support-in-nvm-express-in-windows-7-and-windows-server-2008-r2-03cd423b-d42e-66c2-722b-019d16455a6b
FAQ: KSD-012010-001-06
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-07
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
หากเจอไดรฟ์ใน BIOS คุณอาจจะต้องเริ่มการทำงานของไดรฟ์ภายในระบบปฏิบัติการ
สำหรับ Windows:
ขั้นตอนที่ 1: ยืนยันว่าเชื่อมต่อไดรฟ์ถูกต้องแล้ว จากนั้นเปิดเครื่องและบู๊ตเครื่องเข้าสู่ Windows OS
ขั้นตอนที่ 2: กดปุ่ม Windows + X แล้วเลือก Disk Management
ขั้นตอนที่ 3: หากเป็น SSD ใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มใช้งาน หน้าต่างป๊อปอัปจะปรากฏขึ้นมา พร้อมข้อความ "Initialize Disk"
ขั้นตอนที่ 4: เลือกระหว่าง
MBR (Master Boot Record): เหมาะกับไดรฟ์ที่มีความจุไม่ถึง 2TB และอุปกรณ์แบบเก่า
GPT (GUID Partition Table): แนะนำสำหรับอุปกรณ์สมัยใหม่และไดรฟ์ที่มีความจุมากกว่า 2TB
ขั้นตอนที่ 5: คลิก “OK” เพื่อเริ่มการทำงานของดิสก์
ขั้นตอนที่ 6: หลังจากเริ่มการทำงาน คุณจะเห็นว่า SSD ของคุณเป็น "Unallocated” ให้คลิกขวา แล้วเลือก New Simple Volume
ขั้นตอนที่ 7: ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อฟอร์แม็ตและกำหนดตัวอักษรระบุไดรฟ์ให้กับ SSD
สำหรับ Mac OS:
ขั้นตอนที่ 1: ยืนยันว่าเชื่อมต่อไดรฟ์ถูกต้องแล้ว จากนั้นเปิดเครื่องและบู๊ตเครื่องเข้าสู่ Mac OS
ขั้นตอนที่ 2: เปิด Disk Utility (โดยใช้ Spotlight ร่วมกับปุ่ม Cmd + Space จากนั้นพิมพ์ "Disk Utility")
ขั้นตอนที่ 3: เลือก SSD ของคุณจากแผงทางซ้ายมือ
ขั้นตอนที่ 4: คลิก Erase
ขั้นตอนที่ 5: ตั้งชื่อไดรฟ์ จากนั้นเลือกตัวเลือกต่อไปนี้ใต้ Format
APFS หากเป็น Mac รุ่นเก่าและ SSD
Mac OS Extended (Journaled) หากเป็นอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือ HDD
ขั้นตอนที่ 6: คลิก Erase หลังจากนั้น SSD ก็จะพร้อมใช้งาน
สำหรับ Linux:
ขั้นตอนที่ 1: ยืนยันว่าเชื่อมต่อไดรฟ์ถูกต้องแล้ว จากนั้นเปิดเครื่องและบู๊ตเครื่องเข้าสู่ Linux
ขั้นตอนที่ 2: เปิดเทอร์มินัล
ขั้นตอนที่ 3: ป้อนคำสั่ง sudo fdisk -l เพื่อแสดงไดรฟ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่ มองหา SSD ของคุณจากขนาดของไดรฟ์ แล้วจดชื่อของไดรฟ์ไว้ เช่น /dev/sdb
ขั้นตอนที่ 4: เริ่มการทำงานของไดรฟ์โดยใช้คำสั่ง fdisk หรือ parted ต่อไปนี้คือคำแนะนำเบื้องต้นในการใช้คำสั่ง fdisk:
ป้อน sudo fdisk /dev/sdb (แทนที่ /dev/sdb ด้วยชื่อไดรฟ์ SSD ของคุณ)
กด g เพื่อสร้างตารางพาร์ติชัน GPT ใหม่
กด n เพื่อสร้างตารางพาร์ติชันใหม่ ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อระบุขนาดและประเภทไดรฟ์
กด w เพื่อเขียนการเปลี่ยนแปลง
ขั้นตอนที่ 5: กำหนดรูปแบบพาร์ติชันใหม่บน SSD (เช่น /dev/sdb1) คุณสามารถกำหนดรูปแบบเป็นระบบไฟล์ที่ต้องการดังต่อไปนี้:
สำหรับ ext4: sudo mkfs.ext4 /dev/sdb1
สำหรับ ext3: sudo mkfs.ext3 /dev/sdb1
สำหรับ FAT32: sudo mkfs.vfat /dev/sdb1
ขั้นตอนที่ 6: ติดตั้งใช้งาน SSD:
สร้างจุดติดตั้งใช้งาน: sudo mkdir /mnt/myssd
ติดตั้งใช้งาน SSD: sudo mount /dev/sdb1 /mnt/myssd
อย่าลืมแทนที่ /dev/sdb1 ด้วยชื่อพาร์ติชันของ SSD
FAQ: KSD-012010-001-15
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-18
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
No, Kingston does not offer an NVMe bundle upgrade kit.
FAQ: KSD-012010-001-30
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://www.kingston.com/blog/pc-performance/two-types-m2-vs-ssd
FAQ: KSD-012010-001-16
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
หาก SSD ของคุณต้องอัปเดตเป็นเฟิร์มแวร์ล่าสุด คุณจะได้รับการแจ้งเตือนตอนที่เปิดซอฟต์แวร์ SSD Manager ของ Kingston ดูได้จากที่นี่: www.kingston.com/ssdmanager
FAQ: KSD-012010-001-11
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
M.2 เป็นฟอร์มแฟคเตอร์ทางกายภาพ SATA และ PCIe คืออินเทอร์เฟซสำหรับสื่อบันทึกข้อมูล ข้อแตกต่างหลัก ๆ คือประสิทธิภาพและโปรโตคอล (ภาษา) ที่ใช้โดย M.2 SSD
รายละเอียดทางเทคนิคของ M.2 ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งอินเทอร์เฟซ SATA และ PCIe สำหรับ SSD M.2 SATA SSD จะใช้ชุดควบคุมเดียวกับที่ใช้ใน SATA SSD ขนาด 2.5 นิ้วในปัจจุบัน M.2 PCIe SSD จะใช้ชุดควบคุมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรองรับโปรโตคอล PCIe M.2 SSD รองรับโปรโตคอลเพียงแบบเดียว แต่เครื่องบางเครื่องอาจมีซ็อคเก็ต M.2 ที่รองรับทั้ง SATA หรือ PCIe
FAQ: KSD-004005-001-00
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://www.kingston.com/blog/pc-performance/nvme-vs-sata
FAQ: KSD-012010-001-19
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
Please see our guide regarding the the differences between solid state drives and hard disk drives.
FAQ: KSD-012010-001-29
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
Kingston recommends updating your SSD to the latest available firmware, where possible. You can check to see if your drive has an available update by using Kingston’s SSD Manager software.
FAQ: KSD-012010-001-25
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-04
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
หาก SSD ของคุณต้องอัปเดตเป็นเฟิร์มแวร์ล่าสุด คุณจะได้รับการแจ้งเตือนตอนที่เปิดซอฟต์แวร์ SSD Manager ของ Kingston ดูได้จากที่นี่: www.kingston.com/ssdmanager
FAQ: KSD-012010-001-11
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-12
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-13
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-14
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-04
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
-ยืนยันว่า BIOS ของระบบรู้จัก SSD ตัวใหม่ แต่ถ้าไม่รู้จัก เข้าไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตเมนบอร์ด / ระบบ เพื่อดูว่ามี BIOS ใหม่ล่าสุดหรือไม่
-ตรวจสอบว่า BIOS ได้รับการกำหนดค่าให้ยอมรับ NVMe SSD ตัวใหม่
-ยืนยันว่าระบบปฏิบัติการที่จะติดตั้งนั้นยอมรับ NVMe SSD (เช่น Windows 8 หรือใหม่กว่า)
หมายเหตุ: Kingston SSD ไม่ต้องใช้ไดรเวอร์เพิ่มเติมในการทำงาน
FAQ: KSD-012010-001-05
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
หากเจอไดรฟ์ใน BIOS คุณอาจจะต้องเริ่มการทำงานของไดรฟ์ภายในระบบปฏิบัติการ
สำหรับ Windows:
ขั้นตอนที่ 1: ยืนยันว่าเชื่อมต่อไดรฟ์ถูกต้องแล้ว จากนั้นเปิดเครื่องและบู๊ตเครื่องเข้าสู่ Windows OS
ขั้นตอนที่ 2: กดปุ่ม Windows + X แล้วเลือก Disk Management
ขั้นตอนที่ 3: หากเป็น SSD ใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มใช้งาน หน้าต่างป๊อปอัปจะปรากฏขึ้นมา พร้อมข้อความ "Initialize Disk"
ขั้นตอนที่ 4: เลือกระหว่าง
MBR (Master Boot Record): เหมาะกับไดรฟ์ที่มีความจุไม่ถึง 2TB และอุปกรณ์แบบเก่า
GPT (GUID Partition Table): แนะนำสำหรับอุปกรณ์สมัยใหม่และไดรฟ์ที่มีความจุมากกว่า 2TB
ขั้นตอนที่ 5: คลิก “OK” เพื่อเริ่มการทำงานของดิสก์
ขั้นตอนที่ 6: หลังจากเริ่มการทำงาน คุณจะเห็นว่า SSD ของคุณเป็น "Unallocated” ให้คลิกขวา แล้วเลือก New Simple Volume
ขั้นตอนที่ 7: ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อฟอร์แม็ตและกำหนดตัวอักษรระบุไดรฟ์ให้กับ SSD
สำหรับ Mac OS:
ขั้นตอนที่ 1: ยืนยันว่าเชื่อมต่อไดรฟ์ถูกต้องแล้ว จากนั้นเปิดเครื่องและบู๊ตเครื่องเข้าสู่ Mac OS
ขั้นตอนที่ 2: เปิด Disk Utility (โดยใช้ Spotlight ร่วมกับปุ่ม Cmd + Space จากนั้นพิมพ์ "Disk Utility")
ขั้นตอนที่ 3: เลือก SSD ของคุณจากแผงทางซ้ายมือ
ขั้นตอนที่ 4: คลิก Erase
ขั้นตอนที่ 5: ตั้งชื่อไดรฟ์ จากนั้นเลือกตัวเลือกต่อไปนี้ใต้ Format
APFS หากเป็น Mac รุ่นเก่าและ SSD
Mac OS Extended (Journaled) หากเป็นอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือ HDD
ขั้นตอนที่ 6: คลิก Erase หลังจากนั้น SSD ก็จะพร้อมใช้งาน
สำหรับ Linux:
ขั้นตอนที่ 1: ยืนยันว่าเชื่อมต่อไดรฟ์ถูกต้องแล้ว จากนั้นเปิดเครื่องและบู๊ตเครื่องเข้าสู่ Linux
ขั้นตอนที่ 2: เปิดเทอร์มินัล
ขั้นตอนที่ 3: ป้อนคำสั่ง sudo fdisk -l เพื่อแสดงไดรฟ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่ มองหา SSD ของคุณจากขนาดของไดรฟ์ แล้วจดชื่อของไดรฟ์ไว้ เช่น /dev/sdb
ขั้นตอนที่ 4: เริ่มการทำงานของไดรฟ์โดยใช้คำสั่ง fdisk หรือ parted ต่อไปนี้คือคำแนะนำเบื้องต้นในการใช้คำสั่ง fdisk:
ป้อน sudo fdisk /dev/sdb (แทนที่ /dev/sdb ด้วยชื่อไดรฟ์ SSD ของคุณ)
กด g เพื่อสร้างตารางพาร์ติชัน GPT ใหม่
กด n เพื่อสร้างตารางพาร์ติชันใหม่ ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อระบุขนาดและประเภทไดรฟ์
กด w เพื่อเขียนการเปลี่ยนแปลง
ขั้นตอนที่ 5: กำหนดรูปแบบพาร์ติชันใหม่บน SSD (เช่น /dev/sdb1) คุณสามารถกำหนดรูปแบบเป็นระบบไฟล์ที่ต้องการดังต่อไปนี้:
สำหรับ ext4: sudo mkfs.ext4 /dev/sdb1
สำหรับ ext3: sudo mkfs.ext3 /dev/sdb1
สำหรับ FAT32: sudo mkfs.vfat /dev/sdb1
ขั้นตอนที่ 6: ติดตั้งใช้งาน SSD:
สร้างจุดติดตั้งใช้งาน: sudo mkdir /mnt/myssd
ติดตั้งใช้งาน SSD: sudo mount /dev/sdb1 /mnt/myssd
อย่าลืมแทนที่ /dev/sdb1 ด้วยชื่อพาร์ติชันของ SSD
FAQ: KSD-012010-001-15
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-18
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://www.kingston.com/blog/pc-performance/two-types-m2-vs-ssd
FAQ: KSD-012010-001-16
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-04
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-00
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-01
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
แต่หากทำแบบนั้นไม่ได้หรือหากคุณเคยโคลนข้อมูลเก่าไปยังไดรฟ์นั้นมาก่อน ยืนยันว่าไดรฟ์ใหม่ปรากฏเป็นอุปกรณ์บู๊ตใน BIOS ของระบบ จากนั้นเลือกไดรฟ์นั้นระหว่างการบู๊ตเครื่อง
FAQ: KSD-012010-001-03
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
-ยืนยันว่า BIOS ของระบบรู้จัก SSD ตัวใหม่ แต่ถ้าไม่รู้จัก เข้าไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตเมนบอร์ด / ระบบ เพื่อดูว่ามี BIOS ใหม่ล่าสุดหรือไม่
-ตรวจสอบว่า BIOS ได้รับการกำหนดค่าให้ยอมรับ NVMe SSD ตัวใหม่
-ยืนยันว่าระบบปฏิบัติการที่จะติดตั้งนั้นยอมรับ NVMe SSD (เช่น Windows 8 หรือใหม่กว่า)
หมายเหตุ: Kingston SSD ไม่ต้องใช้ไดรเวอร์เพิ่มเติมในการทำงาน
FAQ: KSD-012010-001-05
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://support.microsoft.com/en-us/topic/update-to-add-native-driver-support-in-nvm-express-in-windows-7-and-windows-server-2008-r2-03cd423b-d42e-66c2-722b-019d16455a6b
FAQ: KSD-012010-001-06
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-18
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
หากเจอไดรฟ์ใน BIOS คุณอาจจะต้องเริ่มการทำงานของไดรฟ์ภายในระบบปฏิบัติการ
สำหรับ Windows:
ขั้นตอนที่ 1: ยืนยันว่าเชื่อมต่อไดรฟ์ถูกต้องแล้ว จากนั้นเปิดเครื่องและบู๊ตเครื่องเข้าสู่ Windows OS
ขั้นตอนที่ 2: กดปุ่ม Windows + X แล้วเลือก Disk Management
ขั้นตอนที่ 3: หากเป็น SSD ใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มใช้งาน หน้าต่างป๊อปอัปจะปรากฏขึ้นมา พร้อมข้อความ "Initialize Disk"
ขั้นตอนที่ 4: เลือกระหว่าง
MBR (Master Boot Record): เหมาะกับไดรฟ์ที่มีความจุไม่ถึง 2TB และอุปกรณ์แบบเก่า
GPT (GUID Partition Table): แนะนำสำหรับอุปกรณ์สมัยใหม่และไดรฟ์ที่มีความจุมากกว่า 2TB
ขั้นตอนที่ 5: คลิก “OK” เพื่อเริ่มการทำงานของดิสก์
ขั้นตอนที่ 6: หลังจากเริ่มการทำงาน คุณจะเห็นว่า SSD ของคุณเป็น "Unallocated” ให้คลิกขวา แล้วเลือก New Simple Volume
ขั้นตอนที่ 7: ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อฟอร์แม็ตและกำหนดตัวอักษรระบุไดรฟ์ให้กับ SSD
สำหรับ Mac OS:
ขั้นตอนที่ 1: ยืนยันว่าเชื่อมต่อไดรฟ์ถูกต้องแล้ว จากนั้นเปิดเครื่องและบู๊ตเครื่องเข้าสู่ Mac OS
ขั้นตอนที่ 2: เปิด Disk Utility (โดยใช้ Spotlight ร่วมกับปุ่ม Cmd + Space จากนั้นพิมพ์ "Disk Utility")
ขั้นตอนที่ 3: เลือก SSD ของคุณจากแผงทางซ้ายมือ
ขั้นตอนที่ 4: คลิก Erase
ขั้นตอนที่ 5: ตั้งชื่อไดรฟ์ จากนั้นเลือกตัวเลือกต่อไปนี้ใต้ Format
APFS หากเป็น Mac รุ่นเก่าและ SSD
Mac OS Extended (Journaled) หากเป็นอุปกรณ์รุ่นเก่าหรือ HDD
ขั้นตอนที่ 6: คลิก Erase หลังจากนั้น SSD ก็จะพร้อมใช้งาน
สำหรับ Linux:
ขั้นตอนที่ 1: ยืนยันว่าเชื่อมต่อไดรฟ์ถูกต้องแล้ว จากนั้นเปิดเครื่องและบู๊ตเครื่องเข้าสู่ Linux
ขั้นตอนที่ 2: เปิดเทอร์มินัล
ขั้นตอนที่ 3: ป้อนคำสั่ง sudo fdisk -l เพื่อแสดงไดรฟ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่ มองหา SSD ของคุณจากขนาดของไดรฟ์ แล้วจดชื่อของไดรฟ์ไว้ เช่น /dev/sdb
ขั้นตอนที่ 4: เริ่มการทำงานของไดรฟ์โดยใช้คำสั่ง fdisk หรือ parted ต่อไปนี้คือคำแนะนำเบื้องต้นในการใช้คำสั่ง fdisk:
ป้อน sudo fdisk /dev/sdb (แทนที่ /dev/sdb ด้วยชื่อไดรฟ์ SSD ของคุณ)
กด g เพื่อสร้างตารางพาร์ติชัน GPT ใหม่
กด n เพื่อสร้างตารางพาร์ติชันใหม่ ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อระบุขนาดและประเภทไดรฟ์
กด w เพื่อเขียนการเปลี่ยนแปลง
ขั้นตอนที่ 5: กำหนดรูปแบบพาร์ติชันใหม่บน SSD (เช่น /dev/sdb1) คุณสามารถกำหนดรูปแบบเป็นระบบไฟล์ที่ต้องการดังต่อไปนี้:
สำหรับ ext4: sudo mkfs.ext4 /dev/sdb1
สำหรับ ext3: sudo mkfs.ext3 /dev/sdb1
สำหรับ FAT32: sudo mkfs.vfat /dev/sdb1
ขั้นตอนที่ 6: ติดตั้งใช้งาน SSD:
สร้างจุดติดตั้งใช้งาน: sudo mkdir /mnt/myssd
ติดตั้งใช้งาน SSD: sudo mount /dev/sdb1 /mnt/myssd
อย่าลืมแทนที่ /dev/sdb1 ด้วยชื่อพาร์ติชันของ SSD
FAQ: KSD-012010-001-15
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-14
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-13
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-12
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
หาก SSD ของคุณต้องอัปเดตเป็นเฟิร์มแวร์ล่าสุด คุณจะได้รับการแจ้งเตือนตอนที่เปิดซอฟต์แวร์ SSD Manager ของ Kingston ดูได้จากที่นี่: www.kingston.com/ssdmanager
FAQ: KSD-012010-001-11
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
FAQ: KSD-012010-001-07
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่
https://www.kingston.com/blog/pc-performance/two-types-m2-vs-ssd
FAQ: KSD-012010-001-16
บริการนี้เป็นประโยชน์หรือไม่