ถามผู้เชี่ยวชาญ
การวางแผนโซลูชั่นที่เหมาะสมต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่งานและระบบของคุณต้องการ ให้ผู้เชี่ยวชาญจาก Kingston คอยแนะนำคุณ
ถามผู้เชี่ยวชาญปีที่ผ่านมาวงการเทคโนโลยีเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ๆ หลายอย่างด้วยกัน คนจำนวนไม่น้อยมองว่าปี 2023 เป็นปีแห่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิง จากการที่แพลตฟอร์มอย่าง ChatGPT และ BardAI จู่ ๆ ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม นอกจากนี้ยังถือเป็นปีที่บริษัททั่วโลกเริ่มจะพิจารณาความเป็นไปได้ในระยะยาวของการทำงานแบบไฮบริดและแบบทางไกล โดยพยายามตอบคำถามเกี่ยวกับการร่วมมือทางไกล ผลิตภาพการทำงาน และความปลอดภัยทางไซเบอร์
การพัฒนาหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในปี 2023 ชวนให้ตื่นตาตื่นใจ และนั่นอาจทำให้คาดเดาได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับวงการเทคโนโลยีในปี 2024 เราจะได้เห็นการพัฒนาด้าน AI อันน่าทึ่งต่อไปอีกหรือไม่ เทคโนโลยีที่ผสานโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้ากับโลกเสมือนจะสร้างผลกระทบในระยะยาวต่อธุรกิจและชีวิตประจำวันของหรือไม่ เพื่อหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้และคลี่คลายความสงสัยอีกหลาย ๆ อย่าง เราจึงได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญที่มาแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและการคาดการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีในปี 2024
ความจริงเสริม (Augmented Reality, AR) และความจริงเสมือน (Virtual Reality, VR) ผ่านการปรับปรุงและพัฒนามาหลายต่อหลายครั้งนับตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมา Rob May คาดการณ์ว่าการพัฒนาเหล่านี้จะดำเนินต่อไปในปี 2024 และกล่าวว่า “ประสบการณ์ในโลกดิจิทัลจะถูกปฏิวัติด้วยความก้าวหน้าของ AR/VR ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมแบบโต้ตอบที่มีความสมจริงมากขึ้นและเชื่อมต่อกับองค์ประกอบในโลกจริงได้อย่างราบรื่น ซึ่งจะช่วยยกระดับการศึกษา ความบันเทิง และการทำงานทางไกล”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การนำ AI และเทคโนโลยีที่ผสานโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้ากับโลกเสมือนมาใช้ จะมอบประสบการณ์ที่เต็มอิ่มสมจริงยิ่งกว่าเดิมให้กับผู้ใช้ เนื่องจาก AI สามารถปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนได้ Elena Carstoiu ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในทางการค้า โดยกล่าวว่า “ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภค 58% มองว่าประสบการณ์ที่ผสานโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้ากับโลกเสมือนมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ดังนั้น การมอบประสบการณ์บนโลกดิจิทัลที่เต็มอิ่มสมจริงและปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนจึงยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการขาย และการนำพลังของ AI มาใช้ก็เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยดึงดูดความสนใจและทำให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” จริง ๆ แล้ว ผู้บริโภคมีความคาดหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าแบรนด์จะปรับแต่งประสบการณ์ให้ตอบโจทย์ของผู้ใช้แต่ละคนได้ นั่นหมายความว่าประสบการณ์ที่เต็มอิ่มจากการผสานโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้ากับโลกเสมือนนั้นไม่เพียงพออีกต่อไปที่จะดึงดูดความสนใจและทำให้ผู้ใช้เข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ เพราะผู้ใช้จะต้องได้รับได้ประสบการณ์ที่เหมาะกับตัวเองด้วย
ถึงแม้ว่าประสบการณ์แบบผสานโลกแห่งความเป็นจริงรวมเข้ากับโลกเสมือนจะเกิดขึ้นในโลกดิจิทัล แต่เราก็ต้องให้ความสำคัญกับผลกระทบของนวัตกรรมต่าง ๆ ในโลกจริงด้วย “CPU, RAM, GPU, SSD รวมทั้งเครือข่ายและบัสข้อมูลทำงานเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จึงช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้แอปพลิเคชัน AR/VR ในขณะที่ความละเอียดของกราฟิกและ FPS ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน” Geoffrey Petit กล่าว ส่วน Simon Besteman ได้กล่าวเสริมว่า Apple Vision Pro ที่ประกาศเปิดตัวก่อนหน้านี้ไม่นานและมีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนมีนาคม 2024 เป็นแค่จุดเริ่มต้นของชุดหูฟังแบบความจริงผสม (Mixed Reality, MR) รุ่นถัดไปเท่านั้น “เราพัฒนาอุปกรณ์รุ่นถัดไปอย่างชุดหูฟังของ Apple เพื่อให้มีการปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น เช่น วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของดวงตา อุณหภูมิ หรือแม้แต่คลื่นไฟฟ้าบนผิวหนัง” จุดข้อมูลทั้งหลายที่เพิ่มเข้ามานี้ไม่เพียงช่วยปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน แต่ยังเพิ่มมิติใหม่ ๆ โดยไม่จำกัดอยู่แค่ภาพและเสียงอีกต่อไป
การมอบประสบการณ์บนโลกดิจิทัลที่เต็มอิ่มสมจริงและปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการขาย และการนำพลังของ AI มาใช้ก็เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยดึงดูดความสนใจและทำให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพElena Carstoiu
ถึงแม้ว่าผู้คนส่วนใหญ่จะกลับมาทำงานในสำนักงานกันแล้วหลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 ผ่านพ้นไป ทว่าสัดส่วนการทำงานแบบไฮบริดและการทำงานจากระยะไกลเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนเกิดโรคระบาด สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนถกเถียงกันเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งบ่อยครั้งที่เทคโนโลยีกลายมาเป็นประเด็นหลักของการสนทนาในฐานะที่เป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาส
ในปี 2024 เราน่าจะได้เห็นองค์กรต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงประสบการณ์การทำงานให้เหมาะกับผู้ที่ทำงานแบบไฮบริดกันมากขึ้น โดยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ยืดหยุ่นและเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่าเดิม จากข้อมูลของ Frank Jennings เราน่าจะได้เห็น “เครื่องมือประสานการทำงานและการตัดสินใจที่ก้าวหน้าขึ้น และใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์มาพิจารณาภาระงานและจุดแข็งของพนักงาน รวมทั้งดูแลสวัสดิภาพด้านจิตใจของพนักงาน (...) ซึ่งจะช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขกว่าเดิม” Kate Sukhanova ยังมองลึกลงไปอีกเกี่ยวกับการปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะกับผู้ใช้งาน “เราจะเห็นการนำอวาตาร์ (เมตาเวิร์สและเทคโนโลยีอื่น ๆ) มาใช้ในสถานที่ทำงานมากขึ้น และปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม”
แน่นอนว่า AI จะมีบทบาทสำคัญกับการทำงานแบบไฮบริดในอนาคตเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการทำให้งานเป็นระบบอัตโนมัติ “ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อเปลี่ยนให้งานที่ต้องทำเหมือนเดิมซ้ำ ๆ กลายเป็นระบบอัตโนมัติ รวมทั้งยกระดับผลิตภาพการทำงาน ไม่เพียงเท่านั้น เทคโนโลยีทั้งสองจะถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจ และปรับปรุงขั้นตอนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด” Dr. Philippe Vynckier คาดการณ์ ปัจจุบัน ธุรกิจนำเครื่องมือ AI มาทำงานโดยอัตโนมัติกันแล้ว แต่ก็ยังมีการถกเถียงกันว่างานแบบไหนบ้างที่ควรใช้ระบบอัตโนมัติ และการทำแบบนี้จะส่งผลต่อพนักงานอย่างไร เนื่องจากพนักงานอาจเสี่ยงที่จะสูญเสียงานไป
แต่คำถามที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การทำงานแบบไฮบริดจะคงอยู่ตลอดไปหรือไม่ Simon Besteman ชี้ว่ายังเร็วไปที่จะฟันธง แต่หากจะให้การทำงานแบบไฮบริดอยู่ได้ในระยะยาว ต้องขึ้นอยู่กับการพัฒนาและการนำเทคโนโลยีมาใช้ “เราจำเป็นต้องกำจัดแรงต้านทั้งจากนายจ้างและพนักงานผ่านแนวทางเชิงเทคนิค และคุณภาพของเทคโนโลยีจะเป็นตัวตัดสินอนาคตของการทำงานแบบไฮบริด” ตรงกันข้ามกับ Mike Gillespie ที่มองการทำงานแบบไฮบริดในแง่บวก แต่ก็เห็นด้วยว่าการมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมเป็นตัวตัดสินว่าองค์กรหนึ่งจะใช้การทำงานแบบไฮบริดได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ โดยเขากล่าวว่า “การพึ่งพาวิธีการทำงานแบบเก่าอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน อย่างเช่นการบังคับให้พนักงานเข้าสู่ระบบ บริการ และข้อมูลผ่านเครือข่าย VPN ต้องมีการประเมินผลดีผลเสียกันใหม่อีกครั้ง”
อนาคตของเทคโนโลยีเกิดใหม่ ไม่ว่าจะเป็น AR, VR ไปจนถึง Internet of Things (IoT) ต้องพึ่งพาหน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูล เนื่องจากมีการนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้งานมากขึ้นในหลายอุตสาหกรรมและรูปแบบการใช้งาน ข้อกำหนดเกี่ยวกับหน่วยความจำจะกลายเป็นปัญหาท้าทายที่องค์กรต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หากต้องการจะใช้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีอันทรงพลังนี้ Elena Carstoiu อธิบายว่า “แอปพลิเคชัน AI และแมชชีนเลิร์นนิงจะดึงข้อมูลที่ต้องการโดยการประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล (...) ดังนั้น โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการจัดเก็บข้อมูลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการส่งข้อมูลไปยัง GPU อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้การใช้งานหยุดชะงัก” กล่าวได้ว่า หากไม่มีการพัฒนาโซลูชันหน่วยความจำในส่วนที่จำเป็น เราก็จะไม่มีทางใช้ประโยชน์จากศักยภาพสูงสุดของ AI ได้เลย
ในขณะเดียวกัน ปริมาณข้อมูลทั่วโลกนั้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง และคาดการณ์กันว่าจะเพิ่มขึ้นจนถึง{{Footnote.A72096}} 147 เซตตาไบต์ในปี 2024 ดังนั้น โซลูชันหน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลจะมีบทบาทสำคัญยิ่งในการจัดเก็บ ใช้งาน และแบ่งปันข้อมูล โดย Ian Moyse กล่าวว่า “เมื่อมีการสร้างข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณและเอนจินจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นเร็วขึ้น ก็จำเป็นต้องขยายความต้องการและวิธีการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูล ด้วยเช่นกัน เพื่อรองรับความต้องการที่เกิดขึ้น”
ข่าวดีก็คือ เราพบว่ามีนวัตกรรมและการปรับปรุงพัฒนามากมายในส่วนของโซลูชันหน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่น่าจะดำเนินต่อไปตลอดหลายปีนับจากนี้ Geoffrey Petit ให้ข้อสังเกตว่า “DDR5 และ SSD เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นทุกปี ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของ HEDT, เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ AI และเซิร์ฟเวอร์คลาวด์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ที่สำคัญที่สุดคือ นวัตกรรมในอุตสาหกรรมหน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เองที่อาจจะขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจและมีความสำคัญมากที่สุดในปี 2024
ปัญหาท้าทายหลายอย่างที่ธุรกิจและรัฐบาลเผชิญในปี 2023 จะยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึง 2024 แสดงให้เห็นว่าโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนนั้นสำคัญเพียงใด
ปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ความขัดแย้งของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะยังคงส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ และวงการเทคโนโลยีก็ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาเหล่านี้ Rafael Bloom กล่าวว่า “ปัญหาห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกบรรเทาลง แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ”
ในภาพกว้าง ผลกระทบของเงินเฟ้อและการขาดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจก็จะส่งผลกระทบต่อศูนย์ข้อมูลในปี 2024 ด้วยเช่นกัน Simon Besteman ชี้ให้เห็นว่า ศูนย์ข้อมูลต้องรับแรงกดดันเพิ่มขึ้น ทั้งจากเทคโนโลยีใหม่และกฎข้อบังคับใหม่ “แม้แต่ตอนนี้ เราก็เห็นแล้วว่าความต้องการโซลูชัน AI และแมชชีนเลิร์นนิงนั้นสูงเกินกว่าขีดความสามารถของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และผู้ให้บริการสถานที่สำหรับศูนย์ข้อมูล ด้านหนึ่งคือแรงกดดันให้ดำเนินการอย่างยั่งยืนมากขึ้น ส่วนอีกด้านหนึ่งก็มีแรงกดดันให้ส่งมอบประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งการรับมือกับแรงกดดันทั้งสองอย่างนี้พร้อมกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
ความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นข้อกังวลอันดับต้น ๆ ขององค์กรในปี 2023 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้คนต้องการทำงานแบบไฮบริดและทำงานจากระยะไกลกันมากขึ้น ซึ่งปัญหานี้จะดำเนินต่อเนื่องในปี 2024 Elena Carstoiu กล่าวถึงปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ที่เกิดบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่า “ผลการศึกษาชี้ว่าธุรกิจ 50% เคยตกเป็นเหยื่อจากการโจมตีทางไซเบอร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมูลค่าความเสียหายคาดว่าน่าจะเกิน{{Footnote.A72097}} 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อถึงสิ้นปี 2024” ถึงแม้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ จะช่วยป้องกันและบรรเทาผลกระทบของอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้ แต่หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดในโลกไซเบอร์ที่ธุรกิจจะต้องเผชิญในปี 2024 คือการสรรหาบุคลากร “บุคลากรที่มีความสามารถในการรักษาความปลอดภัย การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี และเทคโนโลยีใหม่ จะยังคงขาดแคลน ในขณะที่ปัญหาใหญ่ของบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางคือการรักษาบุคลากรเอาไว้” Ian Moyse คาดการณ์
ในบทความนี้ เราได้กล่าวถึงปัญญาประดิษฐ์หลายต่อหลายครั้งเนื่องจากมีการพัฒนาที่สำคัญในปี 2023 รวมไปถึงคุณประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านของเทคโนโลยีนี้ Rob May คาดการณ์ว่า “จะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในวงการปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการประมวลผลภาษาธรรมชาติ การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ และเฟรมเวิร์กด้านจริยธรรม AI ซึ่งจะทำให้บริการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ของผู้ใช้งานแต่ละคนได้มากขึ้น และเกิดความก้าวหน้าในการใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบ” ในขณะที่ Ian Moyse พูดถึง AI และบทบาทของ AI ในอาชญากรรมทางไซเบอร์ในอนาคต โดยกล่าวว่า “คาดว่าจะมีการพูดคุยเกี่ยวกับกฎระเบียบต่าง ๆ สำหรับ AI กันมากขึ้น รวมไปถึงข่าวการละเมิดกฎระเบียบการใช้ AI และการใช้ AI ในธุรกิจต่าง ๆ ภัยคุกคามทางไซเบอร์และรายงานความเสี่ยงทางไซเบอร์จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปัญหาอันดับแรกในรายงานคือ การใช้ AI เป็นเครื่องมือโจมตี”
เนื่องจากการพัฒนาฮาร์ดแวร์ผลักดันให้เกิดการก้าวข้ามขีดจำกัดในการประมวลผลทางคอมพิวเตอร์ หลายคนในแวดวงเทคโนโลยีจึงมีความอยากรู้เกี่ยวกับการประมวลผลควอนตัม “ผมหวังว่ายังมีงบประมาณเหลือสำหรับการลงทุนในเทคโนโลยีควอนตัม เราควรให้ความสนใจกับเรื่องนี้ครับ” Simon Besteman กล่าว Philippe Vynckier เสริมว่า “การประมวลผลควอนตัมจะปฏิวัติการประมวลผลข้อมูลไปอย่างสิ้นเชิง เพราะมีขีดความสามารถในการประมวลผลเหนือกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปอย่างมาก ในปี 2024 การประมวลผลควอนตัมน่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คนทั่วโลกเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับเทคโนโลยี AI ในปีที่ผ่านมา
การทำงานแบบไฮบริดจะยังคงเป็นประเด็นร้อนขององค์กรต่าง ๆ เพราะพวกเขาจะรับรู้ถึงผลกระทบของเทรนด์การทำงานจากระยะไกลระหว่างปี 2020-2021 Rafael Bloom กล่าวว่า “เราพัฒนาอย่างรวดเร็วเพราะโควิด เราทำสิ่งต่าง ๆ โดยบางครั้งก็ไม่ต้องตั้งคำถามว่าทำยังไง/เพราะอะไร รวมทั้งมีความเสี่ยงที่เราไม่รู้จักคืบคลานเข้ามา” องค์กรจำนวนมากอาจจะพบว่าเทคโนโลยีและเครื่องมือใหม่ ๆ มอบขีดความสามารถให้กับทีมทำงานแบบไฮบริด แต่ก็อาจจะเจอกับกับดักและความเสี่ยงที่ต้องหาทางรับมือเช่นกัน
สุดท้ายคือ ปัญหาเกี่ยวกับบุคลากร ซึ่งเป็นสิ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้เลยในปี 2024 โดย Elena Carstoiu กล่าวว่า “ผลการสำรวจของ Gartner แสดงให้เห็นว่า ซีอีโอ 26% ระบุว่าปัญหาการขาดแคลนบุคลากรเป็นความเสี่ยงที่สร้างความเสียหายให้กับองค์กรของพวกเขามากที่สุด{{Footnote.A72100}} กุญแจสำคัญอยู่ที่การให้ความสำคัญกับการดึงดูดและรักษาบุคลากร และเพิ่มผลิตภาพการทำงานของพนักงาน” แม้ว่าเทคโนโลยี AI หลาย ๆ อย่างจะบรรเทาผลกระทบของปัญหาการขาดแคลนบุคลากรโดยการเปลี่ยนงานเป็นอัตโนมัติ แต่ธุรกิจยังต้องพยายามดึงดูดบุคลากรมากฝีมือที่จะมารับมือกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ ข้อมูล และปัญหาอื่น ๆ ที่จะต้องพบเจอในปี 2024
Kingston Technology มองว่าเราคือผู้ให้คำปรึกษาที่ได้รับความไว้วางใจและคิดการณ์ไกลอยู่เสมอเพื่อรับมือกับปัญหาท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ ทางเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมด้าน AI ไปจนถึงความเสี่ยงใหม่ ๆ จากอาชญากรรมทางไซเบอร์ เราตระหนักดีว่าองค์กรต่าง ๆ จะต้องเผชิญกับปัญหาทั้งเก่าและใหม่ในปี 2024 แต่เราก็มั่นใจว่าความเชี่ยวชาญและโซลูชันที่เรามีจะช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าก้าวผ่านอุปสรรคและใช้ประโยชน์จากโลกที่พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
#KingstonIsWithYou
การวางแผนโซลูชั่นที่เหมาะสมต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่งานและระบบของคุณต้องการ ให้ผู้เชี่ยวชาญจาก Kingston คอยแนะนำคุณ
ถามผู้เชี่ยวชาญสำหรับนักสร้างสรรค์ผลงานที่ต้องผลิตงานให้กับลูกค้ารายสำคัญ สื่อบันทึกข้อมูลแบบเข้ารหัสจะช่วยดูแลไฟล์ข้อมูลที่สำคัญเพื่อให้คุณสามารถจัดการมาตรการรักษาความปลอดภัยได้อย่างมั่นใจ
SSD ต่อพ่วง IronKey Vault Privacy 80 คือ SSD ต่อพ่วงเข้ารหัสเชิงฮาร์ดแวร์ตัวแรกจาก Kingston ที่ไม่จำกัดการใช้งานกับ OS ใดเป็นการเฉพาะ พร้อมจอสัมผัสที่ช่วยปกป้องข้อมูลได้อย่างมั่นใจได้สำหรับลูกค้าภาครัฐ ภาคการเงิน ภาคการดูแลสุขภาพ และกลุ่มงานด้านกฎหมาย การเข้ารหัสระดับการใช้งานด้านการทหารทำให้ IronKey สามารถปกป้องข้อมูลในระดับสูงสุด
Learn how to use all the features of your new Kingston IronKey Vault Privacy 50, with our walkthrough. We can help you with creating user and admin passwords, enabling Read-Only or Write-Protected modes, even features like One-Time Recovery passwords.
เลือกหน่วยความจำสำหรับใช้งานได้ง่าย ๆ กับ Kingston
ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญกว่า 35 ปีของ Kingston ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเรามีความรู้และความเชี่ยวชาญในการเลือกหน่วยความจำที่คุณเชื่อมั่นได้
เพียงแค่กรอกยี่ห้อหรือเลขรุ่นหรือเลขชิ้นส่วนของคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ดิจิตอลเพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์จาก Kingston ที่คุณต้องการ
ค้นหาจากเลขชิ้นส่วนของ Kingston เลขชิ้นส่วนของตัวแทนจำหน่ายหรือเลขชิ้นส่วนของผู้ผลิต