เราสังเกตเห็นว่าคุณกําลังเยี่ยมชมเว็บไซต์ของสหราชอาณาจักร คุณต้องการเยี่ยมชมเว็บไซต์หลักของเราแทนหรือไม่?

ชายหนุ่มกำลังพิมพ์คีย์บอร์ดโน้ตบุ๊กในสำนักงาน

ความสำคัญของระบบจัดเก็บข้อมูลขยะและคำสั่ง TRIM ที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานของ SSD

ในโลกแห่งเทคโนโลยี SSD มักมีการกล่าวถึงคำว่าระบบจัดเก็บข้อมูลขยะและ TRIM อยู่เสมอ แต่คำเหล่านี้หมายถึงอะไรกันแน่ ในบทความนี้ เราจะพิจารณาเกี่ยวกับระบบจัดเก็บข้อมูลขยะ การทำงาน และความเชื่อมโยงกับคำสั่ง TRIM

ระบบจัดเก็บข้อมูลขยะคืออะไร

เป้าหมายของระบบจัดเก็บข้อมูลขยะคือเพื่อปรับไดรฟ์ให้เหมาะสมเป็นระยะเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาสมรรถนะไว้ตลอดอายุการใช้งาน SSD และสื่อบันทึกข้อมูลแฟลช NAND อื่น ๆ ไม่สามารถเขียนทับข้อมูลเดิมได้ ซึ่งต่างจากฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) รอบการทำงานของไดร์ฟจะเป็นแบบ เขียนโปรแกรม/ลบข้อมูล หน่วยความจำแฟลชแบ่งออกเป็นบล็อคข้อมูลและแยกย่อยต่อไปเป็นเพจ ข้อมูลจะถูกเขียนไปในระดับเพจและถูกลบในระดับบล็อคข้อมูล ก่อนที่จะสามารถลบข้อมูลได้ ข้อมูลที่ใช้การได้ทั้งหมด (เพจ) จากบล็อคเดิมจะต้องถูกคัดลอกและเขียนไปยังเพจที่ว่างอยู่ในบล็อคใหม่ หากต้องการเขียนบล็อคข้อมูลที่ใช้อยู่แล้ว ชุดควบคุม SSD จะคัดลอกไฟล์ที่ใช้งานทั้งหมดก่อนและเขียนข้อมูลชุดนี้ไปยังหน้าเปล่าของบล็อคข้อมูลอื่น ๆ และลบข้อมูลในเซลล์ทั้งหมดในบล็อคปัจจุบัน (ทั้งที่ใช้ได้และใช้ไม่ได้) จากนั้นจะเริ่มการเขียนข้อมูลใหม่ไปยังบล็อคที่เพิ่งถูกลบข้อมูลทิ้ง นี่คือกระบวนการจัดเก็บข้อมูลขยะ Kingston® ใช้ชุดควบคุมต่าง ๆ ร่วมกับเทคโนโลยีกรรมสิทธิ์เฉพาะสำหรับระบบจัดเก็บข้อมูลขยะ (Garbage Collection - GC) เป้าหมายคือเพื่อให้มีบล็อคว่างมากที่สุดเมื่อเพื่อที่เมื่อ SSD ต้องการเขียนข้อมูลก็จะไม่ต้องรอลบข้อมูลในบล็อคที่จะใช้งาน

กระบวนการจัดเก็บข้อมูลขยะจะทำงานอัตโนมัติ โดยปกติระหว่างที่ไม่ได้ใช้เครื่อง และเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของไดร์ฟ SSD ประกอบไปด้วยระบบควบคุมขั้นสูงที่สามารถจัดการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแฟลช NAND เมื่อมีการลบไฟล์ในระบบปฏิบัติการ เช่น Windows ระบบจะกำกับหมายเหตุตารางไฟล์ที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งให้ทราบว่าไฟล์มีการถูกลบทิ้ง สำหรับฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (HDD) ข้อมูลที่ไม่ได้ใช้งานในปัจจุบันจะค้างอยู่ที่เดิมและอาจถูกเขียนทับโดยระบบเพื่อจัดเก็บข้อมูลใหม่ ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ ๆ ยังรองรับคำสั่ง TRIM โดย OS จะแจ้งให้ SSD ทราบว่ามีการลบไฟล์บางตัวเพื่อให้ SSD สามารถจัดการกระบวนการ GC ได้อย่างมีประสิทธิภาพและกู้คืนพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ก่อนล่วงหน้าเพื่อป้องกันการบันทึกและเคลื่อนย้ายข้อมูลที่ไม่ได้ใช้งานทั้งหมด

TRIM คืออะไร

TRIM เป็นคำสั่งสำหรับอินเทอร์เฟซ ATA (Advanced Technology Attachment) เมื่อระบบปฏิบัติการต้องการแจ้งให้ SSD ทราบว่าจะทำการลบไฟล์ และเพจไฟล์ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเตรียมไว้สำหรับข้อมูลชุดใหม่ TRIM จะทำหน้าที่จัดการในส่วนนี้ TRIM จะทำงานร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูลขยะเพื่อล้างข้อมูลและจัดระเบียบให้กับ SSD ทำให้ไดร์ฟทำงานได้มีประสิทธิภาพและใช้งานได้ยาวนาน

ก่อนระบบปฏิบัติการ Windows 7 และการเกิดขึ้นของ TRIM ยังไม่มีกระบวนการใด ๆ ที่ใช้เพื่อระบุว่าข้อมูลที่จัดเก็บใน SSD พร้อมสำหรับลบแล้วหรือไม่ เพจที่มีไฟล์ที่ถูกลบทิ้งจะถูกจัดการผ่านระบบจัดเก็บข้อมูลขยะในครั้งถัดไปที่เครื่องไม่ได้ถูกใช้งานโดยอาศัยคำสั่ง TRIM

ระบบปฏิบัติการบางส่วนเท่านั้นที่รองรับคำสั่ง TRIM ก่อนระบบปฏิบัติการ Windows 7 SSD จะต้องเก็บข้อมูลที่อาจไม่เป็นประโยชน์ไว้จนกว่าจะได้รับแจ้งให้มีการเขียนข้อมูลใหม่ในพื้นที่เดิม ซึ่งทำให้การทำงานช้าและส่งผลต่ออายุการใช้งานของไดร์ฟ Windows เวอร์ชั่นต่อ ๆ มา (และ OS X Lion หรือรุ่นต่อ ๆ มา) จะมีการเรียกใช้คำสั่ง TRIM อัตโนมัติกับ SSD ที่รองรับคุณสมบัตินี้

วิธีการตรวจสอบว่า TRIM เปิดใช้งานใน Windows หรือไม่

มือกำลังพิมพ์คีย์บอร์ดโน้ตบุ๊กที่อยู่บนโต๊ะพร้อมคำสั่ง cmd ที่หน้าจอ
  1. กด Windows + X แล้วคลิกที่ “Search” จากนั้นพิมพ์ cmd ในช่องค้นหา
  2. คลิกขวาที่ “Command Prompt” แล้วเลือก “Run as administrator”
  3. กรอกคำสั่งต่อไปนี้: fsutil behavior query DisableDeleteNotify แล้วกด Enter

หากผลที่ได้คือ DisableDeleteNotify = 1 แสดงว่า TRIM ปิดใช้งานอยู่ที่ SSD ของคุณ แต่หากผลเป็น DisableDeleteNotify = 0 แสดงว่า TRIM เปิดใช้งานอยู่กับ SSD ของคุณ

การเปิดใช้งาน TRIM ใน Windows

  1. คลิกขวาที่ไอคอน Windows แล้วเลือก “Search” แล้วพิมพ์ cmd ในช่องค้นหา
  2. คลิกขวาที่ “Command Prompt” แล้วเลือก “Run as administrator”
  3. พิมพ์: fsutil behavior set DisableDeleteNotify 0 แล้วกด Enter

การตรวจสอบว่า TRIM เปิดใช้งานใน MacOS 10.10.4 และรุ่นต่อจากนี้หรือไม่

  1. เลือกไอคอน Apple ที่มุมด้านซ้ายบน
  2. จากนั้นคลิกที่ About this Mac
  3. เมื่อข้อมูลเบื้องต้นปรากฏขึ้นมาให้เลือก System Report
  4. ไปที่: Hardware > SATA/SATA Express
  5. เลื่อนลงไปที่ TRIM Support ค่าจะแสดงเป็น Yes หรือ No
  6. หากค่าเป็น No ให้เปิดหน้าต่าง Terminal ขึ้นมา
  7. เมื่อเครื่องถาม ให้พิมพ์: sudo trimforce enable ลงไป
  8. กด Enter
  9. กรอกรหัสผ่านองคุณเมื่อได้รับแจ้ง แล้วกด Enter
  10. พิมพ์ y เมื่อได้รับแจ้ง จากนั้นกด Enter
  11. พิมพ์ y อีกครั้ง จากนั้นเครื่องจะทำการรีบู๊ท
  12. ยืนยันว่า TRIM เปิดใช้งานโดยทวนซ้ำขั้นตอนที่ 1-5 หลังการรีบู๊ท

สำหรับ OSX 10.10.3 หรือก่อนหน้านี้ คุณสามารถใช้ Chameleon SSD Optimizer หรือ Cindori Trim Enabler

สรุป

SSD ของคุณจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุดหากมีการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมเท่านั้น ดังนั้นระบบจัดเก็บข้อมูลขยะและ TRIM จึงเป็นส่วนสำคัญในการดูแล SSD ของคุณให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สำหรับไดร์ฟจาก Kingston ระบบจัดเก็บข้อมูลขยะและ TRIM จะเปิดใช้งานอัตโนมัติ และคุณสามารถตรวจสอบความสมบูรณ์โดยรวมของ SSD ของคุณได้ผ่านแอพพลิเคชั่น Kingston SSD Manager (KSM)

#KingstonIsWithYou

บทความที่เกี่ยวข้อง